วันนี้(17 พ.ค. 66 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวนาในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุรินทร์ ถือฤกษ์ดี วันพืชมงคล และการเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูฝน ลงมือไถนาหว่านข้าวหอมมะลิ ซึ่งปีนี้พบว่าเกษตรกรชาวนามีการลดต้นทุนการทำนาลง โดยการไถหว่านแบบรอบเดียว คือนำข้าวเปลือกพันธุ์มาหว่านในนาที่ยังไม่ได้ไถก่อน จากนั้นก็ให้รถไถมาไถกลบเมล็ดเลย จากเมื่อก่อนต้องไถดะทิ้งไว้หนึ่งรอบ แล้วจึงนำข้าวมาหว่านและให้รถไถมาปั่นกลบเมล็ดข้าวอีกรอบ ซึ่งต้องเสียค่าจ้างรถไถนาถึงสองรอบ ส่วนค่ารถไถนาปีนี้ไถผานปกติ ราคาไร่ละ 200 บาท ผานติดคลาด 250 บาท โดยผานติดคลาดแพงขึ้น 50 บาท จากไร่ละ 200 บาทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนราคาค่าปุ๋ยก็ต้องลุ้นอีกว่าปีนี้จะขึ้นราคาอีกกระสอบละกี่บาท

นายประยูร เนียมหอม เกษตรกรบ้านตะวัน ม.8 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ บอกว่า ปีนี้ต้องลดต้นทุนการทำนาลง จากเคยไถสองรอบก็เหลือรอบเดียวพอ ลองดูสักปีดูก่อน ถ้าข้าวราคาดีก็พอสู้ได้อยู่ ปีนี้ค่ารถไถก็ขึ้นจากไถคลาดปีที่แล้วราคา 200 บาท มาปีนี้ 250 บาท ถ้าไถธรรมดาก็ 200 บาทราคาเดิม ก็อยากให้รัฐบาลช่วยให้ราคาข้าวมันดีขึ้น พอให้ชาวนาอยู่กันได้ ไหนจะค่านา ค่าไถ ค่าปุ๋ยและอีกหลายอย่าง แต่ละปีก็ขาดทุนกันเยอะ แล้วแต่ใครทำมากทำน้อย ทำน้อยก็ขาดทุนน้อยหน่อย แต่ก็ต้องสู้เพราะเป็นอาชีพของเราถ้าไม่สู้ไม่ทำก็ไม่มีข้าวจะกินอีก ถ้าได้ราคาข้าวเกี่ยวใหม่อยู่ ก.ก.ละ 13-14 บาท ชาวนาก็พออยู่กันได้แล้ว ไม่ใช่เอาไปขายได้ราคา 8-9 บาทเท่านั้น เป็นแบบนี้ทุกปี ตอนนี้นอกจากราคาข้าวแล้วต้องลุ้นราคาปุ๋ยอีก ปีที่แล้วกระสอบละ 1,500 บาท จนบางคนไม่ได้ใส่เพราะราคามันแพง ปีนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขึ้นราคาอีกกระสอบละเท่าไหร่ ส่วนนาที่ตนทำอยู่ก็เช่าเขาทำ ไร่ละ 1,000 บาท ทั้งหมด 9 ไร่กว่า วันนี้ถือเอาฤกษ์ดีวันพืชมงคล ก็หวังว่าผลผลิตข้าวปีนี้จะดี มีราคา สูงพอได้มีเงินใช้หนี้ใช้หนี้สินและพอให้ชาวนาได้ลืมตาอ้าปากกับเขาได้บ้าง