วันที่ 21 เมษายน 2566 นายนิรัตน์ โพธิปลัด ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยตีนตั่ง ม.1 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จว.พิษณุโลก เข้าร้องเรียนให้ช่วยติดตามคดีคนร้ายขึ้นบ้านและขโมยทรัพย์สิน อาทิ พระเลี่ยมทอง2องค์ แว่นตา และเงินสด 10,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 5 หมื่นบาท หลบหนีอย่างลอยนวลโดยผ่านมา1เดือนคดียังไม่มีความคืบหน้า

นายนิรัตน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มี.ค.เวลาประมาณ 13.00น.กล้องวงจรปิดภายในบ้านเลขที่ 163 ม.1 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านของตนเองจับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุ พบคนร้ายสวมหมวกปิดบังใบหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน ใส่กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ และสวมถุงมือ มีลักษณะพิเศษคือเดินขาขวากะเผลกๆได้งัดประตูหลังบ้านเข้ามา ก่อนจะเข้ามาภายในบ้าน ได้เดินรื้อค้นข้าวของเปิดลิ้นชัก ตู้เสื้อผ้า ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง ได้ทรัพย์สินรวมกว่า 5 หมื่นบาทหลบหนีไป 

นายนิรัตน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.นครไทย พร้อมกับนำหลักฐานต่างๆไปมอบให้กับทางตำรวจ โดยทางตำรวจมีการเรียกไปให้ปากคำมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ผ่านมานานกว่า 1 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งตนเองรู้สึกแปลกใจทั้งที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้ชัดเจนแต่ทำไมยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมาย กล้าก่อเหตุตอนกลางวันแสกๆและตอนเกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านยายของตนเองก็นั่งอยู่ แต่คนร้ายก็ไม่กลัว จึงเกรงว่าหากไม่รีบดำเนินการจับกุมคนร้าย​โดยเร็ว ชาวบ้านก็จะอยู่อย่างหวาดผวาและเกรงว่าคนร้ายจะเหิมเกริมเข้ามาก่อเหตุในหมู่บ้านอีกก็เป็นได้ 

ด้าน พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนครไทย เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งความได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนแกะรอยหาเบาะแสของคนร้าย และได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย2ราย ที่เดินขากะเผลกลักษณะเดียวกับคนร้ายมาสอบแต่ว่ายังไม่ตรง ประกอบกับคดีนี้คนร้ายมีการปิดบังใบหน้าและสวมถุงมือ จึงไม่สามารถเก็บลายนิ้วมือแฝงมาตรวจสอบได้

ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบทะเบียนรถต้องสงสัยเบื้องต้นว่ามีรถจักรยานยนต์และรถยนต์ แต่ยังไม่ชัดว่าคนร้ายใช้รถอะไรในการก่อเหตุ พร้อมกับประสานกับร้านทองในพื้นที่หากพบว่ามีคนต้องสงสัยนำพระเลี่ยมทองไปขายก็ให้รีบแจ้งเบาะแส พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ทิ้งและได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งหาเบาะแสคนร้ายอย่างเต็มที่