วันนี้ (17 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณี เยาวชนชาย 2 คนับขี่รถจักรยานยนต์ ตามถีบรถ จยย.ของเยาวชนชายอายุ 14-15 ปี จนเสียหลักชเสาไฟฟ้าเสียชีวิต 3 ราย  เมื่อเวลา 16.42 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1. ด.ช.พงศกร  นกเล็ก อายุ 15 ปี บ้านเลขที่ 104 ม.8 ต.จอมพระ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์  2. ด.ช.วิศิษฎ์  นนทะเวช อายุ 14 ปี บ้านเลขที่ 98 ม.8 ต.กาเกาะ อ.เมืองสุรินทร์  จ.สุรินทร์  3. ด.ช.พิชญะ  ศรโยธา  อายุ 14 ปี  บ้านเลขที่ 107 ม.5 ต.กระโพ  อ.ท่าตูม  จ.สุรินทร์ เหตุจากความคึกคะนอง ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวผู้ก่อเหตุส่งดำเนินคดีตามกฏหมาย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 ล่าสุดวันนี้ (17 ธ.ค.65) ขณะที่บรรยากาศงนศพที่จัดขึ้นที่บ้านของผู้เสียชีวิตแต่ละคน ก็เป็นไปอย่างเศร้าสลด และจะมีพิธีฌาปณกิจศพ พร้อมกันในวันนี้ โดยเฉพาะงานศพของ ด.ช.พิชญะ ศรโยธา  ที่จัดขึ้นที่บ้านเลขที่ 107 ม.5 ต.กระโพ  อ.ท่าตูม  จ.สุรินทร์  ก็เป็นไปอย่างเศร้าลด

 น.ส.เพ็ญรุ่ง เจริญศรี อายุ 30 ปี และนายแสงทิพย์  เมืองหนองจอก อายุ 33 ปี แม่และพ่อของ ด.ช.พิชญะ  ศรโยธา ผู้ตาย กล่าวว่า  เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้ น้องเป็นเด็กดี เรียนปานกลาง แต่ชอบเล่นกีฬาและชอบกิจกรรม โดยเฉาะเซปักตะกร้อน คนในชุมชนทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ก็รักใคร่ ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใคร อยากให้เคสของน้องเป็นบทเรียนตัวอย่าง เยาวชนจะทำอะไรก็ให้คิดหน้าคิดหลัง คิดถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง ผลเสียจะตามมา น้องโดนคนกระทำ หรือกระทำเขา ผลที่ออกมาก็มีแต่เสียกับเสีย อย่าทำพฤติกรรมแบบนี้เลย มีอะไรก็พูดคุยและทำความเข้าใจกัน อยากให้น้องๆนำไปคิดให้ดีๆในการใช้ชีวิต  อยากฝากถึง จนท.ขอความเป็นธรรมให้น้องด้วย  ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ชัดเจนนัก อยากให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว

 ที่วัดโพธิ์ศรีสว่างอารมณ์  ตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์  ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีฌาปณกิจศพ ด.ช.พงศกร  นกเล็ก อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 ม.8 ต.จอมพระ อ.จอมพระ จ.สุรินทร์  พบว่าเป็นไปอย่างเสร้าสลด มีญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน และเพื่อนฝูงของผู้ตาย เดินทางมร่วมส่งศพเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีนายอุทัย ละม่อมพร้อม ประธานเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียน เป็นประธานทอดผ้าบังสุกุล  ซึ่งก่อนที่จะมีพิธีฌาปณกิจศพ พบว่ากลุ่มเพื่อนๆของผู้ตายกว่า 50 คน ก็ได้มายืนร่วมดีดกีต้าร์ร้องเพลงเพื่อไว้อาลัยให้กับเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย จำนวน 5 เพลงอีกด้วย  ขณะเพื่อนหลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ขณะร้องเพล ยิ่งสร้างความเศร้าสลดหดหู่ให้กับงานมากยิ่งขึ้น  ส่วนครอบครัวของคู่กรณีที่ทำให้เสียชีวิต ไม่ได้เข้ามาร่วมงานศพแต่อย่างใด

 ทั้งนี้หลังวางดอกไม้จันท์และเผาศพแล้ว กลับพบว่าศพไม่ยอมไหม้ สัปปะเหร่อต้องจุดไฟเผาอีก 2ครั้งก็ไม่ยอมไหม้  จากนั้นจึงให้กลุ่มเพื่อนๆที่มาร้องเพลงขึ้นไป และแจกธูปคนละดอกเพื่ออธิษฐานอโหสิกรรม เนื่องจากเชื่อว่าผู้ตายยังไม่หมดห่วง  ก่อนที่สัปเหร่อจะเผาเป็นครั้งที่สี่ แต่ก็ยังไม่ไหม้อีก จนต้องให้เพื่อนสนิทของผู้ตายขึ้นมายืนหลับตาทำพิธีอโหสิกรรม ก่อนที่สัปเหร่อจุดไฟเผาเป็นครั้งที่ 5 ศพจึงไหม้หมด

 ขณะที่ครอบครัวไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด บอกแต่เพียงว่ายังรับไมได้กับเหตุการณ์เกิดขึ้น