วันที่ 30 ตุลาคม 2565 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก. จึงได้สั่งการให้ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) นำโดย พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. และ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. ประสานความร่วมมือกับ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.สส.จชต. พร้อมด้วย กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศมาเลเซีย (CID)
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 นางอรทัย (สงวนนามสกุล) เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ปคม. กรณี ด.ญ.เอฯ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี บุตรสาวถูกหลอกลวงไปขายบริการทางเพศที่ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทันที โดยหลังจากรับแจ้งเหตุ ใช้เวลาเพียง 3 วัน กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าช่วยเหลือ ด.ญ.เอฯ และส่งตัว ด.ญ.เอฯ เดินทางกลับ ประเทศไทยอย่างปลอดภัย
จากการสอบถาม เด็กหญิงเอฯ ทราบว่า เครือข่ายผู้ต้องหาได้ร่วมกันหลอกลวง ด.ญ.เอฯ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนี้ ก่อนเกิดเหตุ เด็กหญิงเอฯ ได้โพสต์หางานในกลุ่มหางานบนสื่อสังคมออนไลน์ (เฟซบุ๊ค) ต่อมา น.ส.เมธินีฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ส่งข้อความติดต่อ ด.ญ.เอฯ ทางเฟซบุ๊ค ชักชวนเด็กหญิงเอฯ ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย อ้างว่าทำงานดูแลร้านนวด มีรายได้ 20,000-20,000 บาท ต่อเดือน หากสนใจจะสมัครงานให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์เพื่อพูดคุยรายละเอียดการทำงาน เมื่อ ด.ญ.เอฯ หลงเชื่อ น.ส.เมธินีฯ จึงได้นัดหมายให้ ด.ญ.เอฯ เดินทางมาพักอาศัยที่บ้านพักในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรอส่งตัวไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย
หลังจากนั้น นายวันเผด็จฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาที่ 5 ได้รับตัว ด.ญ.เอฯ ไปพักที่บ้านพักของตนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีนายลีโอ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 เป็นผู้ควบคุม จากนั้นได้ส่งตัว ด.ญ.เอฯ ไปยังอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส และส่งข้ามไปยังประเทศมาเลเซียโดยเส้นทางธรรมชาติ ต่อมาเมื่อเด็กหญิงเอฯ เดินทางถึงประเทศมาเลเซีย ได้พบกับ น.ส.เกษณีฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ควบคุมเครือข่ายขายบริการทางเพศ, นางนฤมลฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดหาลูกค้า และ น.ส.เมธินีฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 ผู้ชักชวนให้ ด.ญ.เอฯ มาทำงาน จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1-3 ได้ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้ ด.ญ.เอฯ ขายบริการทางเพศที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนพาดูอูลู เขตชีราส กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถึงแม้ว่า ด.ญ.เอฯ จะมีอาการปวดท้อง ไม่สบาย ก็จะไม่ให้หยุดงาน อีกทั้งยังข่มขู่ว่าหากไม่ทำงานจะส่งไปขายให้บุคคลอื่น
โดยวันที่ 27 ตุลาคม 2565 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ได้เปิดปฏิบัติการ “SAVE ผ้าขาว” ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมเครือข่ายค้าประเวณีเด็กหญิง อายุ 13 ปี โดยปฏิบัติการพร้อมกัน จำนวน 2 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เข้าตรวจค้นและจับกุมตัว นายวันเผด็จ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ได้ที่บริเวณตลาดนัด ถ.บางนา-ตราด ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอด ข้อกล่าวหา
จุดที่ 2 อ.บ้านบึง จว.ชลบุรี เข้าตรวจค้นและจับกุมตัว นายลีโอฯ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ได้ที่บริเวณลานจอดรถร้านอาหาร ต.หนองบอนแดง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ในส่วนของ น.ส.เกษณีฯ, นางนฤมลฯ และ น.ส.เมธินีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ปคม. ได้สืบสวนมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย หลบหนีมาอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย จึงได้ประสานความร่วมมือกับ กองบังคับการปราบปราม, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศมาเลเซีย (CID) ในการสืบหาตัวผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้ที่โรงแรมย่าน Selangor ในวันที่ 29 ตุลาคม 2565
จากการสืบสวนขยายผลตรวจค้นโรงแรมย่าน Selangor ยังสามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงมาขายบริการทางเพศ ได้อีก 4 ราย เป็นหญิงไทย 2 ราย และหญิงชาวอินโดนีเซีย 2 ราย
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยพี่น้องประชาชน สำหรับปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย เพียงแค่ใช้งานโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันเด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมเสพติดการใช้งานสื่อโซเชียลเป็นอย่างมาก อาชญากรจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว แฝงตัวเข้ามาชักจูงเหยื่อ โดยยื่นข้อเสนอต่างๆ ให้เหยื่อหลงเชื่อ จนนำไปสู่การหลอกลวงไปค้าประเวณีต่างประเทศ
©2018 CK News. All rights reserved.