วันที่ 18 ตุลาคม 2565 นางบุษกร ธีระปัญญาชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงกรณีที่ธนาคารจะปรับขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่อง CDM ซึ่งต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต ทุกครั้ง โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป นั้น เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตามที่ ปปง. ได้มีข้อชี้แจงเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565

ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนของผู้ทำรายการฝากเงินเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น โดยธนาคารให้มีการยืนยันตัวตนผ่านเครื่อง CDM ของแต่ละธนาคาร สำหรับประชาชนที่ไม่มีบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิต ทำให้ไม่สามารถฝากเงินที่เครื่อง CDM ได้ จะยังคงสามารถฝากเงินโดยใช้บัตรประชาชนผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากฝากที่สาขาธนาคารได้ ได้แก่ ตู้เติมเงิน เคาเตอร์ของร้านสะดวกซื้อ ไปรษณีย์ และตัวแทนรับฝากเงินอื่นของธนาคาร ทั้งนี้ ธปท. จะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการพัฒนาระบบให้สามารถรองรับการยืนยันตัวตนรูปแบบอื่น ๆ เช่น การใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะ cardless เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็วต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากธนาคารกรุงไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์ของธนาคาร ระบุว่า เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ฝากเงินที่ทำธุรกรรมผ่านตู้อัตโนมัติ (CDM) จะต้องใช้บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตยืนยันตัวตนก่อนทำรายการฝากเงินสดที่เครื่องอัตโนมัติทุกครั้ง โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

นอกจากนี้ บน เว็บไซต์ ของธนาคารได้จัดทำเอกสารชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้อยู่ภายใต้โครงการ CDM AMLO โดยสาเหตุที่ต้องให้ยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิตหรือเครดิตทุกครั้งเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ตามกฎเกณฑ์หน่วยงานสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยลูกค้าต้องเสียบบัตรเดบิตหรือเครดิตแล้วใส่ PIN ของผู้ฝากก่อนการฝากเงินสดที่เครื่องอัตโนมัติทุกธนาคาร ในกรณีที่ไม่มีบัตรเดบิตหรือเครดิต จะไม่สามารถฝากเงินที่เครื่องอัตโนมัติได้ ต้องทำรายการผ่านช่องทางสาขาธนาคารเท่านั้น

ทั้งนี้ สำหรับการใช้บัตรเดบิตและเครดิตในการฝากเงินนั้น จะสามารถใช้กับธนาคารได้ดังต่อไปนี้ 1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 5. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 8. ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) 9. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 10. ธนาคารออมสิน และ 11. ธนาคารอาคารสงเคราะห์