เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ตุลาคม 2565 นายณัฏฐ์กร ศิริผ่องแผ้ว นายอำเภอท่าวุ้งประธานในพิธีงานประเพณี พร้อมด้วยนางสาวพิมพกานต์ พิพิธะนานันต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี พร้อมด้วยประชาชนและผู้นำท้องถิ่นในอำเภอบ้านหมี่ และท่าวุ้งจำนวนมาก ร่วมงานแห่พระศรีอาริยเมตไตรย์ วัดไลย์ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๖๕ ซึ่งถือเป็นรประเพณีที่เก่าแก่ที่ชาวอำเภอท่าวุ้งและชาวอำเภอบ้านหมี่ได้จัดขึ้นมาเป็นเวลากว่า 100ปีแล้ว ซึ่งอันว่า "พระศรีอาริยเมตไตรย์"หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า"พระศรีอาริย์ " เป็นพระพุทธรูปหล่อแบบ "พระพุทธสาวก" คือ มีเศียรโล้นไม่มีเปลวรัศมี นั่งขัดสมาธิ คล้ายพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีลักษณะสวยงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ และแรม ๔ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี จะมีขบวนแห่ พระศรีอาริยเมตไตรย์ ซึ่งท่านเจ้าอาวาสวัดไลย์เป็นประธาน อัญเชิญรูปหล่อ พระศรีอาริยเมตไตรย์ ประดิษฐานบนตะเม่ชนิดไม่มีล้อใช้แรงฉุดลาก โดยพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมขบวน แห่ไปตามถนนท่าโขลง-บ้านเสาธงถึงวัดเทพอำไพ ระยะทางประมาณ ๖ กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะมีประชาชนตั้งโฏรงทานเลี้ยงอาหาร หวาน คาว ให้กับประชาชนที่มาร่วมงานได้กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำ และปิดทอง พระศรีอาริยมตไตรย์ ตามจุดที่กำหนด เมื่อถึงเวลาอันสมควรก็จะนำขบวนแห่กลับมายังวัดไลย์ ซึ่งงานประเพณีดังกล่าว เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยราชการที่ ๕ เมื่อครั้ง ที่พระองค์ท่านได้อัญเชิญ องค์พระศรีอาริยเมตไตรย์ซึ่งชำรุด เข้าไปบูรณะซ่อมแซมในพระบรมมหาราชวัง เมื่อการซ่อมแซมเสร็จสิ้นสมบูรณ์ จึงได้อันเชิญกลับสู่เมืองลพบุรี โดยได้มีการพักขบวน ณ วัดมณีชลขันธ์พอรุ่งเช้า ได้เคลื่อนขบวนอันเชิญ พระศรีอาริยเมตไตรย์ จากวัดมณีชลชันธ์มุ่งสู่วัดไลย์ ในครั้งนั้นปรากฎมีประชาชนไปตั้งแถวรับ และร่วมชบวนอัญเชิญ ถวายดอกไม้และสรงน้ำ องค์พระศรีอาริยเมตไตรย์ เป็นจำนวนมากพร้อมทั้งยังจัดให้มีพิธีอัญเชิญ พระศรีอาริยมตไตรย์ ประดิษฐาน ณ วิหารวัดไลย์นับเป็นประเพณี ที่สีบทอดกันมา มากกว่า 100 ปี มีประชาชนมาร่วมงาน ในแต่ละปีจะมีประชาชนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ กำหนดให้มีขึ้น จำนวน ๒ วัน ๒ คืนคือวันที่ ๑๔ - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ โดยมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
๑. เพื่ออนุรักษ์และสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ให้คงอยู่กับชุมชน
๒. เพื่อสร้างความรักและความสามัคคีแก่คนในชุมชน
๓. เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในชุมชน ให้เป็นที่รู้จัก
อย่างแพร่หลาย
๔. เพื่อร่วมสร้างเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น ให้เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป
©2018 CK News. All rights reserved.