ยิงนักธุรกิจซื้อขายมือถือดับริมถนนทางเข้าสนามบินขอนแก่น คาดปมขัดแย้งธุรกิจส่วนตัว


9 ต.ค. 2565, 12:50

ยิงนักธุรกิจซื้อขายมือถือดับริมถนนทางเข้าสนามบินขอนแก่น คาดปมขัดแย้งธุรกิจส่วนตัว




วันที่ 9 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บนถนนทางเข้าสนามบินขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทรา รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุรศักดิ์ มโนทัย ผกก.สภ.บ้านเป็ด และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน 4 เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณถนนทางออกมท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น พบศพ นายพนม ทรัพย์รัตนมงคล อายุ 40 ปี ชาว ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่บริเวณด้านหลังทะลุอกขวา 1 นัด และที่บริเวณใต้สะดืออีก 2 นัด ในมือข้างขวากำสร้อยคอทองคำ และมือซ้ายกำจี้สร้อยคอ มือขวากำสร้อยคอทองคำ และมือซ้ายกำจี้สร้อยคอ

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด .32 ตกอย่างห่างศพประมาณ 40 เมตร จำนวน 2 นัด และพบรอยเลือดเป็นทางยาวกว่า 200 เมตร รองเท้าผู้เสียชีวิต ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับนำร่างผู้เสียชีวิต ส่งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด
สอบถามพยานเล่าว่า เวลาประมาณ 04.30-05.00น. เห็นรถยนต์จำนวน 2 คัน มาจอดเลยหน้าบ้าน โดยคันแรกเป็นรถยนต์อเนกประสงค์คันที่ 2 เป็นรถกระบะแต่งซิ่ง ไม่แน่ใจเป็นสีขาวหรือไม่ ที่แรกคิดว่าเป็นรถแต่งซิ่งมาขับประลองความเร็วกัน เพราะถนนเส้นนี้ช่วงกลางดึกจะมีการมาขับรถประลองความเร็วกันจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก เลยไม่ได้เปิดหน้าต่างออกมาดู จากนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายบอกให้ลงมา ด้วยน้ำเสียงที่แหบคล้ายคนเมาสุรา จากนั้นประมาณ 2 นาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังที่เสาไฟฟ้าที่ 2 ที่อยู่ห่างบ้านตนเอง จากนั้นก็ได้ยินเสียงตามมาอีก 2 นัด ต่อมามีชายวิ่งมาขึ้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ก่อนรถคันแรก จะขับไปกลับรถที่จุดกลับรถส่วนอีกคันกลับรถและหันหัวรถย้อนศร ขับออกถนนมะลิวัลย์

เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายและรับฝากโทรศัพท์มือถือ ภายในตลาดประตูน้ำขอนแก่น และก่อนเกิดเหตุออกมานอกบ้าน ก่อนที่จะมาถูกยิงเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ตำรวจควบคุมผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 ราย อยู่ในระหว่างการสอบปากคำ คาดว่าจะเป็นขัดผลประโยชน์ในธุรกิจรับจำนำรถ





คำที่เกี่ยวข้อง : #ยิงนักธุรกิจ  









©2018 CK News. All rights reserved.