วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ phuketandamannews เผยเรื่องราวของการเตรียมรื้อถอนเรือนเจ้าจอมยี่สุ่น ซึ่งชาวพังงาได้ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ โดยเพจได้โพสต์ข้อความว่า"เรือนเจ้าจอม ยี่สุ่น เจ้าจอมมารดารัชกาลที่ 3 โบราณสถานอันทรงคุณค่าที่สุดของจังหวัด ที่กำลังจะถูกลืม!!
บ้านเรือนไทยโบราณหลังนี้ เมื่ออดีตกว่าร้อยปีเป็นเรือนที่ประทับของเจ้าจอมมารดา ยี่สุ่น เจ้าจอมมารดารัชกาลที่ 3 และ แม่นม ในล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 โดย เจ้าจอมมารดา ยี่สุ่น (ยี่สุ่น ณ นคร) ท่านเป็นพระธิดา ของ พระยาบริรักษ์ภูธร (แสง ณ นคร) ซึ่งเป็นเจ้านครเมืองพังงาคนแรก ในช่วงปี พ.ศ.2383 - พ.ศ.2414
ปัจจุบันเรือนหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตบริเวณวัดประชุมโยธี ( วัดอารามหลวง) ในเขตตัวเมืองพังงา แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ผู้ครอบครองบ้านหลังนี้จำเป็นต้องทุบทิ้งแทนการบูรณะซ่อมแซมด้วยเหตุผลส่วนตัว
ถือเป็นโบราณสภานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ของชาวจังหวัดพังงา และ ประวัติศาสตร์ของชาติไทย ซึ่งแท้ที่จริงควรคู่แก่การรักษาและบูรณะไว้ให้อยู่ตราบนานเท่านาน
เรือนเจ้าจอม ยี่สุ่น ซึ่งสร้างขี้นในสมัยรัชกาลที่ 3 มีที่ตั้งอยู่ภายในวัดประชุมโยธี อ.เมือง จ.พังงา มติกรรมการวัดประชุมโยธี ให้มีการรื้อถอน โดยอ้างว่าค่าใช้จ่ายในการบูรณะสูง จะนำพื้นที่ตรงนี้มาสร้างโรงครัว ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวคัดค้านจากชาวพังงา โดยทุกฝ่ายได้ให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าของจังหวัดพังงาอย่างหาที่เปรียบมิได้ และควรจะอนุรักษ์เอาไว้
ด้าน พระเทพปัญญาโมลี เจ้าอาวาสวัดประชุมโยธี พระอารามหลวง กล่าวว่า ขอยืนยันว่ายังไม่มีการรื้อถอนในขณะนี้ โดยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ทางวัดประชุมโยธี ได้ขยายพื้นที่โดยซื้อที่ดินเอกชนแปลงหนึ่งซึ่งเป็นที่ของตระกูล ณ ถลาง โดยในพื้นที่แปลงนี้มีบ้านเก่าอยู่หลังหนึ่ง ทางวัดได้พัฒนาสร้างเสนาสนะบางอย่างได้สร้างไปเกือบแล้วเสร็จแล้ว และจะพัฒนาพื้นที่เพื่อเตรียมจัดสร้างเสนาสนะส่วนอื่นเพิ่มเติม
ในวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะสงฆ์สัญจรของจังหวัดพังงา ได้มีการทำพิธีสวดถอนพื้นที่ เพื่อว่าในพื้นที่ที่วัดซื้อมาในอดีตอาจจะมีอุโบสถเก่าหรือเจดีย์เก่าอยู่ จึงได้ทำพิธีสวดถอน ซึ่งบ้านหลังนี้อยู่ในพื้นที่นี้ด้วย และเมื่อมีการสวดถอนก็ถือว่าเราได้ทำถูกต้องแล้วเราจะสร้างเสนาสนะอย่างอื่น ทำอย่างอื่นก็ทำได้โดยโดยกลัวว่าสิ่งที่ทำต่อไปในอนาคตอาจจะผิดพระวินัย เลยเป็นประเด็นว่าเมื่อทำพิธีสวดถอนคนไปแปลผิดว่าพระจะทำการรื้อถอนบ้านหลังนี้
ซึ่งความจริงแล้วการจะรื้อถอนบ้านหลังนี้ถ้าถามว่ามันก็มีสิทธิทำได้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่วัดอาจจะต้องพัฒนา แต่โดยความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะว่าจะต้องดูองค์ประกอบว่าบ้านหลังนี้เป็นอย่างไร โดยช่างผู้ชำนาญการ ทางวัดได้ประสานทางโยธาธิการและผังเมืองเข้ามาตรวจสอบดูแล้วว่าโครงสร้างของบ้านยังมีความแข็งแรงพอที่จะรองรับทำการบูรณะได้ไหม ถ้าหากทำได้ที่จะต้องช่วยกันว่าการซ่อมใครเป็นผู้รับผิดชอบ มีเงินทุนหรืองบประมาณส่วนไหนอย่างไร
ทางกรมศิลปากร โดยผู้อำนวยการนครศรีธรรมราช ได้เคยเข้ามาตรวจสอบแล้วบอกว่าจะต้องใช้งบบูรณะไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเกินกำลังของวัดที่จะบูรณะซ่อมแซม ถ้าหากว่าหาญาติโยมท่านใดเห็นควรที่จะอนุรักษ์เหมือนที่กล่าวในโซเชียลขอให้เข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันสละทรัพย์เพราะว่างบประมาณคงไม่น้อย บางคนที่บอกว่ามีวิศวกรรับรองไม่กี่ตังค์ ก็ให้เข้ามาช่วยกันได้เลย และทราบว่าทางจังหวัดพังงาได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
ขอบคุณข่าวภาพ..เฟซบุ๊กเพจ phuketandamannews
©2018 CK News. All rights reserved.