วันที่ 9 มิถุนายน – กรณีขบวนการค้ายาเสพติดใช้รถตู้พยาบาล ขนยาบ้า 2.4 ล้านเม็ด ผ่านเข้ามาในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี และแหกด่านตรวจ หลบหนีเข้าไปในพื้นที่ อำเภอธัญญบุรี จังหวัดปทุมธานี ก่อนที่นำรถตู้พยาบาล ที่ขนยาเสพติดไปจอดทิ้งไว้ในเขตคลองสามวา กทม. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ประสาน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2 พร้อมชุดสืบภาค 2 ร่วมสืบสวนหาข่าว ล่าสุดเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 1 และ บก.ทล. และ ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายจิรายุทธ คงดี อายุ 22 ปี (คนขับรถตู้พยาบาล) น.ส.ทิพวรรณ หรือทิพย์ ชัยเสนา อายุ 20 ปี (ภรรยานายจิรายุทธฯ คนนั่งมาด้วย) และ3.นายชาญณรงค์ พุฒิเจริญ อายุ 31 ปี (ขับรถกู้ภัยมารับพาหลบหนี) โดยกล่าวหาว่า“ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายอันก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” โดยจับกุม นายจิรายุทธฯ และ น.ส.ทิพวรรณ ได้ที่ห้องเช่า เลขที่ 13 ม.3 ต.ซ้ำฆ้อ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ส่วน นายชาญณรงค์ฯ จับกุมได้ที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.65 เวลาประมาณ 14.00 น. มีเหตุผู้ขับขี่รถยนต์ตู้พยาบาล สีขาว ทะเบียน 1 นข 4280 กรุงเทพมหานคร ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจจุดตรวจในเขตพื้นที่ จ.สระบุรี และ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเปิดทางหลบหนีมุ่งหน้าเข้าเขตกรุงเทพมหานคร มีคนร้ายบนรถยนต์ตู้คันดังกล่าว จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน เมื่อเข้าเขตกรุงเทพมหานคร ได้ขับขี่หลบหนีเข้าไปภายในซอยวัดแป้นทอง บริเวณจุดทิ้งขยะ ซ.หนองระแหง 5 ถ.ไทยรามัญ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ได้นำยาบ้าบรรจุเป็นห่อใหญ่จำนวน 6 ห่อ จำนวน 2,400,000 เม็ด ไปทิ้งพงหญ้าภายในซอยดังกล่าว หลังจากนั้นได้ขับขี่รถยนต์ตู้คันดังกล่าวไปทิ้งไว้ท้ายซอยราษฎร์อุทิศ 44/1 ถ.ราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร แล้วหลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ที่นำยาบ้าไปทิ้งไว้คือ นายจิรายุทธ และ น.ส.ทิพวรรณ สองสามีภรรยา โดยหลังเกิดเหตุได้มี นายชาญณรงค์ เป็นคนขับรถมารับพาหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานการปฏิบัติระหว่าง ภ.1 และ ภ.2 และ บก.ทล. ช่วยกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดเรื่อยมา จนต่อมาได้สืบทราบว่าหลบหนีมาซุกซ่อนตัวอยู่บริเวณที่จับกุม จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมตัวไว้ได้