วันที่ 21 พฤษภาคม – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ( 20 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า สธ.รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 20 พฤษภาคม รวม 6,463 ราย หายป่วย 7,091 ราย เสียชีวิต 41 ราย ผู้ป่วยกำลังรักษา 58,910 ราย ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 19 พฤษภาคม 2565 มีผู้รับวัคซีน สะสมทั้งหมด จำนวน 136,063,940 โดส วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 มีผู้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 16,953 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 65,464 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 88,103 ราย
สถานการณ์ติดเชื้อน้อยลง ดูแล้วทิศทางไปทางบวก เมื่อเทียบกับการวางแผนมาตรการทางสาธารณสุข ที่จะเข้าสู่โรคประจำถิ่น จะเห็นว่าสามารถเข้าได้เร็วชึ้นกว่าเดิม 2 สัปดาห์ แต่ยังคงตามกำหนดเดิมวันที่ 1 กรกฎาคมไว้ก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ภายหลังมาตรการการผ่อนคลาย และการเปิดภาคเรียนในช่วงนี้ ซึ่งต้องช่วยกันทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ที่ประชุมยังรับทราบการปรับเปลี่ยนมาตรการทางสาธารณสุข จากเดิมกลุ่มเสี่ยงสูง จะต้องกักตัว 5 วัน เป็นไม่ต้องกักตัวแต่ให้สังเกตอาการ 10 วัน ถ้ามีอาการค่อยไปตรวจ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่สธ. เสนอปรับระดับพื้นที่สถานการณ์และมาตรการป้องกันควบคุมโรคแบบบูรณาการ โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน จะเพิ่มพื้นที่ฟ้า และสีเขียว โดยสีเขียวดูตามความพร้อมของจังหวัด ที่เสนอมาว่าจะเป็นจังหวัดนำร่องในการควบคุมโรค และปรับตัวเข้าโรคประจำถิ่นได้อย่างเร็ว ทำให้พื้นที่เฝ้าระวังสูง หรือสีเหลือง จาก 65 จังหวัด เป็น 46 จังหวัด ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว หรือพื้นที่เฝ้าระวัง จากเดิมไม่มี พิ่มเป็น 14 จังหวัด ส่วนพื้นที่สีฟ้านำร่องท่องเที่ยวจาก 12 จังหวัด เป็น 17 จังหวัด สำหรับพื้นไฮไลน์สีเขียว 14 จังหวัด
ประกอบด้วย ชัยนาท พิจิตร อ่างทอง น่าน มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ลำปาง บุรีรัมย์ ตราด สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ อุดรธานีและอำนาจเจริญ สีฟ้า 17 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ กระบี่ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา (จังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่) นอกนั้นอีก 46 จังหวัดเป็นพื้นที่สีเหลือง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับความแตกต่างของพื้นที่ ไม่มากนัก อย่างพื้นที่สีเหลือง สามารถจัดกิจกรรมได้ประมาณ 1 พันคน ส่วนพื้นที่สีเขียว ตามความเหมาะสม ขณะที่การจัดการเรียนการสอน สีเหลือ ต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ส่วนสีเขียวให้จัดได้ตามปกติ ส่วนการแข่งขันกีฬา สีเหลือ ในร่มได้ไม่เกิน 75% กีฬากลางแจ้งให้มีการเว้นระยะห่าง ขณะที่โรงภาพยนต์ โรงมหรสพ ทั้งพื้นที่สีเหลืองและสีเขียวเปิดได้ตามปกติ
ประเด็นที่สำคัญคือ การเปิดสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เปิดได้ 2 พื้นที่ คือ สีฟ้า และสีเขียว โดยเริ่มวันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป โดยให้เปิดบริการ จำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องไม่เกิน 24.00 น. คือ เปิดได้ถึงเที่ยงคืนห้ามนั่งเกินเวลา เพราะร้านต้องปิดบริการในเวลาเที่ยงคืน โดยคาดหวังว่า 24.00 น.จะไม่มีการนั่งดื่มภายในร้าน และงดกิจกรรมการใช้แก้วร่วมกัน โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสตัว เช่น อาบ อบ นวด ต้องสวมหน้ากากอนามัย ตรงนี้ต้องช่วยกันดูแล
ขณะที่ผู้ให้บริการ ต้องได้รับวัคซีนโควิดตามเกณฑ์ รวมทั้งเข็มกระตุ้น และต้องมีการคัดกรองความเสี่ยงของพนักงานทุกวัน ต้องมีการคัดกรอง หรือการประเมินโดยใช้ ไทยเซฟไทย หรือ มีการตรวจ ATK ทุก 7 วัน หรือเมื่อมีอาการ มีความเสี่ยง และขอให้ถือปฏิบัติมาตรการ Universal Prevention (UP) หรือการป้องกันคราบจักรวาล ส่วนผู้รับบริการเพียงโชว์ว่าได้รับวัคซีนก็เข้าได้ แต่กลุ่มเสี่ยง 608 ขอให้งดการเข้าพื้นที่ดังกล่าว
สำหรับสถานประกอบการจะต้องขออนุญาตการเปิดดำเนินงานต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร และประเมินตัวเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID+2 และปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting ตลอดจนพนักงานต้องได้รับการกำกับดูแลตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ตรงนี้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะศบค.ตอบสนองในการเปิด หากทำได้ดี ก็จะทำให้การติดเชื้อน้อยลง ก็จะได้รับการสนับสนุนการเปิดต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ให้มท. กทม. สธ. และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ประเมิน อนุญาต และติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด โดยอนุญาตให้เปิดดำเนินการเฉพาะสถานบันเทิงที่ขึ้นทะเบียนสถานบริการ และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/ กทม. เท่านั้น ทั้งนี้หากเปิดได้และทำได้ดี ก็พร้อมสนับสนุนให้ทำต่อ หากทำได้ไม่ดี ก็ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบและสั่งปิดบริหารได้ เพื่อความปลอดภัย
สำหรับพื้นที่ที่เปิดดำเนินการได้ ได้แก่ พื้นที่สีฟ้า หรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว และพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่เฝ้าระวัง รวม 31 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. กระบี่ กาญจนบุรี จันทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา เพชรบุรี ภูเก็ต ระยอง สงขลา ชัยนาท พิจิตร อ่างทอง น่าน มหาสารคาม ยโสธร นครพนม ลำปาง อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ ตราด สุราษฏ์ธานี สุรินทร์ อุดรธานี
©2018 CK News. All rights reserved.