วันที่ 3 พฤษภาคม - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีหน่วยกู้ชีพ อบต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ช่วยเหลือเด็กชาววัย 8 ขวบ ลูกครึ่งชาวไทย-ยูเครน หลังถูกสัตว์ทะเลกัดขาเป็นแผลเหวอะหวะฉกรรจ์ ขณะลงเล่นน้ำทะเลริมหาดกมลา บริเวณหน้า สภ.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ที่ให้การรักษาอาการบาดเจ็บ สันนิษฐานว่าเป็นปลาสาก ที่อยู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ วางไข่ ขณะที่ชาวบ้านละแวกดังกล่าวไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากบาดแผลและลักษณะฟันปลาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดผวาไม่กล้าลงเล่นน้ำ และอยากให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาตรวจสอบว่าเป็นสัตว์ชนิดใดกันแน่ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผอ.ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อทราบเรื่องได้ตรวจสอบร่วมกับ นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รอง ผวจ.ภูเก็ต โดยเข้าพบเด็กผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล พบว่าบาดเจ็บหนักพอสมควรมีการเย็บแผลถึง 33 เข็ม ล่าสุดอาการปลอดภัย ถือว่าเป็นเด็กที่เก่งมาก และจากการสรุปรอยบาดแผลสันนิษฐานได้ว่าเป็นรอยกัดของฉลาม โดยฉลามมีพฤติกรรมหากินแนวเซิร์ฟโซน มนุษย์ไม่ใช่เหยื่อของฉลาม แต่อาจเกิดจากการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปลา

นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า สอบถามเบื้องต้นทราบว่าตอนที่เกิดเหตุเด็กลงเล่นน้ำอยู่นั้นรู้สึกเหมือนเห็นฉลามเข้ามาใกล้ และตอนที่ถูกกัดขา เด็กเกิดอาการตกใจได้ใช้มือต่อยฉลามไปด้วยอาจทำให้ฉลามตกใจว่ายหนีไป ทั้งนี้ได้ประสาน นายเดวิด มาร์ติน ผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม มาร่วมตรวจสอบด้วยอีกทาง ยืนยันว่าเป็นรอยฉลาม ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นฉลาม 2 ประเภท คือ ฉลามหูดำ กับฉลามหัวบาตร ที่อาศัยที่อยู่ในอันดามัน โดยให้น้ำหนักไปทางฉลามหัวบาตร ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว และเพื่อเป็นการป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นอีกได้

ล่าสุดทาง อบต.กมลา ได้ปักป้ายเตือนนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดช่วงเกิดเหตุ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไปก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีฉลามในพื้นที่