พันตำรวจโทณัฐพล ศรีวิเชียร สารวัตรจราจร สภ.เมืองลพบุรี เนื่องด้วยเหตุการณ์ การแชร์คลิปวีดีโอลงในเพจของ แจ้งเหตุลพบุรี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 7 นาย ซึ่งทางสถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรีได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรีจริงตามวันเวลาที่จับกุมขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจขันวินัยจราจร ภายในเขตศาลพระกาฬ ได้พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนต้า รุ่นเวฟ๑๑๐ไอ สีแดง ป้ายทะเบียน ๑กน ๒๑๐๒

ซึ่งมี นายวิรุตม์ ศรีรักษา(ทราบชื่อภายหลัง) ได้ขับขี่เบิ้ลเครื่องรถเสียงดังตลอดทางมาจากฝั่งท่าหินเข้าเขต เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ ถนนนารายณ์มหาราช ชุดจับกุมได้เรียกให้หยุดรถคันดังกล่าวไม่ยอมหยุดแล้วได้ขับขี่หลบหนี ไปทางวงเวียนศรีสุริโยทัย โดยขับปาดซ้าย ปาดขวาด้วยความเร็วจนเกือบจะเกิดอันตรายต่อยานพาหนะผู้อื่นที่ขับขี่ตามเส้นทางดังกล่าว เมื่อถึงวงเวียนศรีสุริโยทัยแล้วได้ขับขี่หลบหนีไปทางหลัง บขส.ลพบุรี ด้วยความเร็ว แล้วได้ย้อนกลับไปเส้นทางรามเดโชไปถึงประตูผีเลี้ยวขวาหลบหนีมา วัดตองปุ เข้าหมู่บ้านสะพานอิฐแล้วเลี้ยวขวาย้อนศรเส้นทางสายคันคลองบ้านหมี่มุ่งหน้าสะพาน๖  แล้วขับขี่ย้อนศรมาถึงแยกสัญญาณไฟจราจรสะพาน๖ แล้วเลี้ยวซ้ายย้อนศรข้ามสะพานตามเส้นทางนเรศวร-สะพาน๖ และชุดจับกุมดังกล่าวสามารถเรียกหยุดรถได้เลยหน้าสนามกอล์ฟ มทบ.๑๓(จอมพล ป.)

ซึ่งตามคลิปวีดีโอดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกให้ นายวิรุตม์ ศรีรักษา (ทราบชื่อภายหลัง) ให้หยุดรถแต่นายวิรุตม์ฯไม่หยุดรถ และขัดขืน เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ที่นายวิรุตม์ฯ ขับมานั้นล้มลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมโดยเข้าควบคุมตัวนายวิรุตม์ฯ นายวิรุตม์ฯ ยังคงขัดขืน จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีพฤติกรรมอันควรสงสัย จึงจำเป็นต้องใช้กำลังในการจับกุมและเข้าค้นตัว นายวิรุตม์  และจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามข้อมูล นายวิรุตม์ฯ นั้น ก็มีพฤติกรรมโวยวาย ส่งเสียงดัง คล้ายบุคคลที่ได้เสพสารเสพติดมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งตัว นายวิรุตม์ฯ ไปโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี ซึ่งผลการตรวจพบ สารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะของ นายวิรุตม์ฯ จึงได้นำตัวนายวิรุตม์ฯ ส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

พันตำรวจโทณัฐพล ศรีวิเชียร สารวัตรจราจร สภ.เมืองลพบุรี ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเซียนคีบอด ที่เข้ามาคอมเม้นที่สร้างความเสียหายให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยที่ไม่ได้รับรู้ความจริงในเหตุการณ์ ซึ่งทางตำรวจจะได้สอบสวนและดำเนินคดีกับทุกราย