ข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. วันที่ พ.ย.64 ชาวประมงพื้นบ้าน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พบเต่าทะเล น้ำหนักประมาณ5-6 กิโลกรัม เกยตื้นที่บริเวณชายหาดนายอำเภอ ม.2 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จึงรีบอุ้มขึ้นมาไปใส่กะลังมังไว้ แล้วรีบโทรแจ้งผู้นำชุมชนทราบ ก่อนประสานนายอำเภอไชยา เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นเต่าประเภทไหน ตัวผู้หรือตัวเมีย
นาย เจริญศักดิ์ วงศ์สุวรรณ อำเภอไชยา ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช) ได้เดินทาง ไปยังที่เกิดเหตุและประสานไปยัง ศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง(ศวทก.) จ. ชุมพร เพื่อให้การช่วยเหลือเต่าทะเล เบื้องต้น เชื่อว่าน่าจะเป็นเต่าตนุ ที่หายาก อายุประมาณ 3-4 ปี ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันนำตัวเต่าทะเลขึ้นจากชายหาดไปฟื้นฟูสภาพ ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมก่อนเนื่องจากเต่ามีอาการ เหนื่อยล้า อ่อนเพลียมาก เกรงว่าจะเสียชีวิต เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีน้ำจืดไหลลงมาผสมกันด้วย เนื่องจาก พื้นที่อำเภอไชยาตอนนี้มีฝนตกหนัก รอเจ้าหน้าที่ประมงมาตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนหากสภาพร่างกายเต่าดีขึ้นพร้อมปล่อยลงทะเลทันที
จากการสอบถามนาง ชาลิสา ดีมีศรี อายุ 41 ปี ชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ หมู่ 1 ต.ตะกรบ อ.ไชยาจ.สุราษฎร์ธานี ได้พบเต่าตนุ อายุประมาณ 3-4 ปี น้ำหนักประมาณ 5-6 กิโลกรัม ความยาวที่วัดได้ประมาณ 49 เซนติเมตร ส่วนความกว้างประมาณ 31 เซ็นติเมตร ที่ขึ้นมาเกยตื้นอยู่บนชายหาดนายอำเภอ เมื่อตอนประมาณ10.00น. มีคลื่นลมแรงทำให้มีขยะลอยขึ้นมาบนฝั่งเป็นจำนวนมาก จึงได้ลงไปสำรวจดูริมทะเลพบว่า มีเต่านอนเกยชายหาด อยู่ 1 ตัว ตนจึงรีบอุ้มขึ้นมาใส่กะละมังที่บ้าน เพราะเห็นว่า ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นจึงรีบประสานผู้นำชุมชนในพื้นที่ให้รับทราบ เพื่อที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจดู
ล่าสุดนายเจริญศักดิ์ วงษ์สุวรรณ นายอำเภอไชยาได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) จ.ชุมพร ตรวจสอบยืนยันว่าเป็นเต่าตนุ เพศเมีย อายุประมาณ 3-4 ปี ส่วนที่มาเกยตื้นน่าจะป่วยและอ่อนเพลีย จึงได้นำเต่าไปตรวจเลือดและตรวจตัวเพรียงที่เกาะกระดองเต่าในห้องแล็ปที่ ศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) จ.ชุมพร เพื่อหาสาเหตุการป่วยและรักษาให้แข็งแรงก่อนที่จะปล่อยลงสู่ท้องทะเลต่อไป
สำหรับเต่าตนุเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักมากเมื่อโตเต็มที่ เป็นเต่าที่มักพบในเขตน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งหรือตามเกาะต่างๆ ในน่านน้ำไทย โดยมีความยาวตั้งแต่หัวจรดหางประมาณ 1 เมตร น้ำหนักราว 130 กิโลกรัม หัวป้อมสั้น ปากสั้น เกล็ดเรียงต่อกันโดยไม่ซ้อนกันกระดองหลังโค้งนูนเล็กน้อย บริเวณกลางหลังเป็นแนวนูนเกือบเป็นสัน ท้องแบนราบ ขาทั้ง 4 แบน เป็นใบพาย ขาคู่หลังมีขนาดเล็กกว่าขาคู่หน้ามาก ขาคู่หน้ามีเล็บแหลมเพียงข้างละชิ้น สีของกระดองดูเผินๆ มีเพียงสีน้ำตาลแดงเท่านั้น
แต่ถ้าหากพิจารณาให้ละเอียด จะพบว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดของกระดองหลังมีสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลอมเขียวขอบเกล็ดมีสีอ่อนๆ เป็นรอยด่างและมีลายเป็นเส้นกระจายออกจากจุดสีแดงปนน้ำตาล คล้ายกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลอดออกจากเมฆ จึงมีชื่อเรียกเต่าชนิดนี้ว่าอีกชื่อหนึ่งว่า“เต่าแสงอาทิตย์” ขณะที่ชาวตะวันตกเรียกว่า “เต่าเขียว” อันเนื่องจากมีกระดองเหลือบสีเขียวนั่นเอง
©2018 CK News. All rights reserved.