แบงก์-ตร. หารือแก้เงินหาย บัตรเดบิตคืนเงินให้-บัตรเครดิตยกเลิกรายการ


20 ต.ค. 2564, 09:16

แบงก์-ตร. หารือแก้เงินหาย บัตรเดบิตคืนเงินให้-บัตรเครดิตยกเลิกรายการ




20 ต.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า จากกรณีมีผู้ได้รับความเสียหาย ถูกหักเงินออกจากบัญชีของธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิต โดยที่เจ้าของไม่ทราบหลายครั้ง และมีการประชุมหารือระหว่าง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีข้อสรุปการดำเนินการดังนี้



1.ในขณะนี้ได้รับรายงานจากทางสมาคมธนาคารไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย เบื้องต้นบัตรเครดิตที่ได้รับผลกระทบจำนวน 5,700 ใบ และบัตรเดบิต จำนวน 4,800 ใบ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 100 ล้านบาท

2.เฉพาะผู้เสียหายจากกรณีนี้ ทางธนาคารที่เกี่ยวข้องจะรับเป็นตัวแทนผู้เสียหายมาดำเนินการร้องทุกข์กับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท) เพื่อดำเนินคดีดังกล่าวอย่างถึงที่สุด โดยที่ผู้เสียหาย ไม่ต้องมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเองแต่อย่างใด ซึ่งทางเลขาธิการสมาคมธนาคารไทยได้กล่าวว่าขอให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเจ้าของบัญชีที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นทางธนาคารจะดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนว่าบัญชีนั้น ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดจริงในกรณีนี้ และจะติดต่อกลับเพื่อคืนเงินในส่วนที่ได้รับความเสียหายภายใน 5 วันหลังจากตรวจสอบเสร็จ สำหรับผู้ที่แจ้งความร้องทุกข์ไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานไปยังธนาคารที่เกี่ยวของเพื่อดำเนินคดีและให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาต่อไป

3.ได้มีการจัดตั้งตัวแทนผู้ประสานงาน (Contact person) ของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินคดี รวมถึงการเยียวยา เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

4.ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชี ซื้อขายบัญชี หรือบัญชีม้า ว่าหากมีการนำบัญชีไปใช้กระทำความผิด ท่านจะมีความผิดในฐานะการเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนการกระทำความผิด มีโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นๆ และยังเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

5.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ รับแจ้งความคดีที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตทุกรูปแบบ (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้) และดำเนินการเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นการลงบันทึกประจำวัน สอบปากคำ ออกเอกสารเพื่อขอพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป

 


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีความห่วงใย และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการแจ้งความดำเนินคดี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ประชุมหารือร่วมกับหลายฝ่าย เพื่อร่วมกันวางแผนป้องกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

“จากกรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สื่อสังคมออนไลน์ ส่งผลกระทบร้ายแรง กระจายในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และเป็นภัยที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังและใช้วิจารณญาณในการทำธุรกรรมออนไลน์ต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และขอให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้รู้ทันกลโกงของเหล่ามิจฉาชีพ” รองโฆษก ตร. กล่าว


คำที่เกี่ยวข้อง : #แบงก์-ตร.  









©2018 CK News. All rights reserved.