“ผู้การสุชาติ-เพื่อน ตท.12" ของ "บิ๊กตู่" ลา พปชร. เตรียมเข้าพรรคใหม่ของ “ปลัดฉิ่ง” ยอมรับคุยกันแล้ว เปิดชื่อ "พรรคเศรษฐกิจไทย" ชวน ส.ส.ใต้พปชร.-ส.ว.บางส่วนร่วมด้วย เชื่อ "บิ๊กตู่" ไม่อยู่ พปชร.เพราะตำแหน่งใน พปชร.เต็มหมดแล้ว ย้ำแนวทางต้องหนุน "ประยุทธ์" โวอยู่พรรคไหนพรรคนั้นขายได้แน่ "จุรินทร์” แนะนายกฯ แก้ปัญหาพปชร.อย่ากระทบพรรคอื่นหลังโอน 4 กรมกระทรวงเกษตรฯ ให้ “บิ๊กป้อม” นั่งคร่อม ฝ่ายค้านนัด 4 ต.ค.ยื่น ป.ป.ช.เอาผิด "ประยุทธ์-ครม." ร่ายยาวความผิดบริหารจัดซื้อวัคซีนทุจริตพ่วงปมทุจริตยางพารา ยังยื่นเอาผิดวาระนายกฯ 8 ปี กางเจตนารมณ์ รธน.ย้ำชัดไม่ให้นายกฯอยู่รวมกันเกิน 8 ปี หวั่นเกิดวิกฤตการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ที่จะมีข้าราชการระดับสูงหลายคนเกษียณอายุราชการ โดยหนึ่งในนั้นคือนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือ "ปลัดฉิ่ง" ที่มีข่าวมาตลอดว่าจะดำเนินการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่จะเป็นพรรคพันธมิตรกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอาจเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะไปอยู่กับพรรคดังกล่าว
โดย พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรค พปชร. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีมีข่าวไปร่วมงานในพรรคใหม่กับนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ว่าตนเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.คนสุดท้ายที่ประกาศชัดเจนแบบลูกทุ่งว่าจะไม่อยู่กับพรรค พปชร. และได้พูดคุยกับผู้บริหารการเลือกตั้งปี 2562 ในส่วนของภาคใต้ในเรื่องนี้ เบื้องต้นประมาณ 9 คนที่จะไปร่วมงานด้วยกันกับพรรคใหม่ อาทิ นายทวี สุระบาล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.ตรัง ส่วนบางคนเป็น ส.ว.และมีตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่ขอเปิดเผย โดยพรรคใหม่ที่จะไปสังกัดอยู่นั้น เป็นไปตามข่าวที่มีนายฉัตรชัยเป็นผู้ดำเนินการด้านธุรการให้เกิดขึ้น หากขั้นตอนต่างๆ เสร็จ ก็จะพูดคุยเพื่อเข้าไปร่วมงานด้วย และเชื่อว่าผู้ก่อตั้งพรรคใหม่จะรอบคอบในการบริหารจัดการ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนชื่อพรรคใหม่นั้นเบื้องต้นคือ "เศรษฐกิจไทย" แต่ยังไม่ทราบชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยกับ ส.ส.ภาคใต้พรรค พปชร. เพื่อชักชวนไปร่วมงานกับพรรคใหม่บ้างหรือไม่ พ.อ.สุชาติกล่าวว่า คงไม่ไปชวน ถ้าจะมาอยู่ด้วยกันก็โอเค เราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีทางเลือกว่าจะมาอยู่กับเราหรือไม่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ แต่ถ้าไม่มาก็ไม่ว่ากัน ที่ผ่านมา ส.ส.พปชร.สามารถเอาชนะในพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 13 คน มาจาก 2 สาเหตุคือ กระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ และเกิดจากการบริหารจัดการเลือกตั้ง ที่ดูกระแสความต้องการในพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ดังนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละคน
"บิ๊กตู่" อยู่พรรคไหนก็ขายได้
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายกฯ ในฐานะเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 12 (ตท.12) หรือไม่ พ.อ.สุชาติกล่าวว่า เคยคุยกันเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา โดยตนระบุว่าจะไม่ขออยู่กับ พปชร.แล้ว และได้รับคำตอบกลับมาว่าถ้าไม่อยู่ก็หาพรรคใหม่สังกัด ซึ่งเป็นการพูดคุยกันตามปกติด้วยความเข้าใจ และการจะไปอยู่พรรคใหม่ ตนไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะกับหัวหน้าพรรค พปชร. โดยไม่ได้คุยกันมานานแล้ว
"ยอมรับว่า พปชร.มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ คนที่ชอบก็อยู่ไป และพรรคใหม่ที่ไป ไม่ใช่เป็นพรรคสำรองอย่างที่มีข้อสังเกต ถ้าจะดูให้ดี หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ การจะไปเป็นพรรคสำรองให้ใครคงทำไม่ได้ เพราะถ้าตั้งเป็นพรรคขนาดเล็กก็ตาย ถ้าเป็นพรรคขนาดกลางก็ลุ้นได้ ส.ส.ห้าสิบ-ห้าสิบ ดังนั้นพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่จะต้องเป็นพรรคขนาดใหญ่สถานเดียว โดยที่คนเป็นหัวหน้าพรรคและผู้บริหารของพรรคจะต้องขายได้ เป็นที่ยอมรับ เพราะถ้าชาวบ้านไม่เชื่อถือก็จบเหมือนกัน และจะมีผลถึง ส.ส.และสมาชิกของพรรคนั้นๆ ด้วย" พ.อ.สุชาติกล่าวถึงการไปตั้งพรรคใหม่ถูกมองว่าเป็นการแยกเพื่อถ่วงดุลของ พปชร.ที่ขณะนี้นักการเมืองเข้ามามีบทบาทมาก
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าคะแนนนิยมของ พปชร.ในการเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะไม่นิยมเหมือนเดิม จึงมีการตั้งพรรคใหม่มาเตรียมไว้ พ.อ.สุชาติกล่าวว่า "ไม่จริง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยู่พรรคไหนพรรคนั้นไปได้ คนส่วนใหญ่ยังให้ความเคารพนายกฯ และยังมีแฟนคลับที่ค่อยสนับสนุนอยู่ ขณะเดียวกันมองว่าการเลือกตั้งคราวหน้าของ พปชร.ก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นเดียวกัน และเวลานี้คนมองที่ตัวของนายกฯ ไม่ใช่ที่พรรค"
ทั้งนี้ พ.อ.สุชาติเปิดเผยด้วยว่า ในทีมงานเลือกตั้งของ พปชร.ในภาคใต้บางคน เขาได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับทีมงานตั้งพรรคใหม่ของนายฉัตรชัยไว้แล้ว เรื่องนี้ต้องรอความชัดเจนอีกสักระยะหลังนายฉัตรชัยเกษียณอายุราชการ ที่คาดว่าหลังวันที่ 1 ตุลาคมทุกอย่างชัดเจนขึ้น โดยพรรคที่จะไปร่วมก่อตั้งจะต้องมีแนวทางชัดเจนคือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ พวกเรายืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่ไหน พวกเราทีมงานเลือกตั้งภาคใต้ก็จะไปอยู่ด้วย พลังประชารัฐแจ้งเกิดได้ในภาคใต้ตอนเลือกตั้งรอบที่แล้ว ก็เพราะคนใต้เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นเลือกตั้งรอบหน้า พล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่พรรคไหน เชื่อเถอะว่าพรรคนั้นจะได้ ส.ส.เขต ในภาคใต้จำนวนไม่น้อย
"เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ หากเล่นการเมืองต่อ ก็คงไม่อยู่กับพลังประชารัฐแล้ว เพราะตำแหน่งต่างๆ ในพลังประชารัฐเต็มหมดแล้ว ทั้งหัวหน้าพรรค ประธานยุทธศาสตร์พรรค แค่นี้ก็จบแล้ว บิ๊กตู่ต้องไปสังกัดพรรคขนาดใหญ่พรรคการเมืองใดก็ได้ที่จะเป็นการทำพรรคที่ต้องสอดรับกับระบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบเท่านั้น พวกเรายืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไปอยู่ไหน พวกเราทีมงานเลือกตั้งภาคใต้ก็จะไปอยู่ด้วย" เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 12 กับ พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
อนึ่งในการเลือกตั้งปี 2562 เป็นที่รู้กันดีในทางการเมืองว่า พ.อ.สุชาติเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญของ พปชร.ในการวางแผนการเลือกตั้งร่วมกับอีกหลายคนทีตอนนี้มีตำแหน่งการเมือง เช่น พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา, นายอนุมัติ อาหมัด ส.ว.และนักธุรกิจใหญ่ด้านกิจการค้าน้ำมันในภาคใต้ โดยก่อนหน้านี้ ทีม ส.ส.ภาคใต้ 13 คน เคยเสนอชื่อ พ.อ.สุชาติ ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหมหรือ รมช.มหาดไทย โดยใช้โควตาภาคใต้ แต่โควตาเต็ม ทีมภาคใต้พปชร.ยังไม่ได้โควตารัฐมนตรีจนถึงบัดนี้
"จุิรนทร์"เซ็ง"บิ๊กป้อม"แย่งคุมงาน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับ 4 กรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ จากเดิมให้นายจุรินทร์เป็นผู้ดูแลว่า ขอพูดโดยรวมว่าเห็นใจพรรคพลังประชารัฐที่จะต้องแก้ไขปัญหาภายพรรค ซึ่งให้กำลังใจมาโดยตลอด เพียงแต่การแก้ไขปัญหาควรจะยุติ ไม่ควรที่จะกระทบถึงส่วนอื่นหรือพรรคการเมืองอื่น ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นเรื่อง แทนที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดให้ลุล่วงไปได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาหนึ่งแต่ไปสร้างอีกปัญหาหนึ่งโดยไม่จำเป็น ซึ่งตนสื่อสารเรื่องนี้กับนายกฯแล้ว และนายกฯ ก็รับทราบ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายไปได้
เมื่อถามว่า ในทางการเมือง พล.อ.ประวิตรเข้ามาในลักษณะเช่นนี้ อาจจะยึดกระทรวงเกษตรฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ไปได้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้ไม่เคยคุยกัน เป็นอีกกรณีหนึ่งซึ่งยังไม่เกิดเรื่องขึ้น
เมื่อถามย้ำที่ระบุว่าอาจเกิดปัญหาที่สองที่สามตามมา ตอนนี้กังวลเรื่องอะไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนพูดตามหลักการเท่านั้น เพราะเข้าใจและเห็นใจรัฐบาลว่ามีปัญหาอยู่หลายด้านในขณะนี้ ฉะนั้น อะไรที่จะไม่สร้างปัญหาเพิ่มโดยไม่จำเป็น ก็ไม่ควรทำ และเชื่อว่าทุกอย่างจะออกมาได้ด้วยดี
ที่ห้องประชุมชั้น 10 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
จากนั้นนายประเสริฐกล่าวภายหลังการประชุมว่า หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ลงนามเพื่อยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเดินทางไปยื่นต่อ ป.ป.ช. วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม เวลา 10.00 น. มีการยื่นเอาผิด 4 ชุด ชุดแรก เป็น ครม.ทั้งคณะ, ชุดที่ 2 นายกรัฐมนตรี, ชุดที่ 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข, ชุดที่ 4 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในส่วนของประเด็นที่จะยื่นนั้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีนทั้งหมด 3 เรื่อง เช่น การไม่เข้าโครงการโคแวกซ์ การผูกขาดเอื้อประโชน์วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า การทุจริตจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ทุจริตการจัดซื้อชุดตรวจ ATK การบริหารจัดการวัคซีนที่ผิดพลาด จัดซื้อวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพให้คนไทย และอีกเรื่องที่เกี่ยวกับการออกมติ ครม.ที่ขัดต่อกฎหมาย โดยมีการเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตสต๊อกยางพารา ส่งผลให้เกิดการขายในราคาที่ต่ำกว่าปกติ เอื้อเอกชนรายเดียว ผิดกฎหมายการยางเรื่องการรักษาเสถียรภาพ ทำราคายางลดต่ำเพราะมีการทุ่มราคา
ดักคอ ครม.ยื่นฟอกตัวเอง
นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ระบุชัดว่า นายกฯจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ฝ่ายค้านแทบจะไม่ต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะชัดเจนในตัวมันเองแล้ว ถ้าตีความแบบฝ่ายค้านตีความ ต้องนับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 และบทเฉพาะกาลมาตรา 264 ในรัฐธรรมนูญยังระบุว่า ครม.ที่เป็น ครม.อยู่ก่อน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ให้เป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในการยื่นร้อง ถ้ายังไม่มีเหตุเกิดขึ้น ศาลคงจะไม่รับไว้ ฝ่ายค้านจึงจะไม่ยื่นในขณะนี้ เพราะยื่นไว้คงไม่เกิดประโยชน์
นายชัยธวัชกล่าวว่า ประเด็นนี้ยึดโยงกันอย่างน้อย 3 มาตราคือ รัฐธรรมนูญมาตรา 158 ระบุไว้ชัดเจน ซึ่งคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ทำเอกสารอธิบายความมุ่งหมายไว้ชัดเจนว่า เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตทางการเมือง หากเรายังปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจนานเท่าไหร่ จะเป็นปัญหาทางการเมือง จนเกิดวิกฤต, เรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญในตอนนี้ จะเป็นการขยายอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญมากเกินจำเป็น หวังว่านายกฯจะเคารพเจตจำนงของรัฐธรรมนูญที่ตนเอง และแม่น้ำหลายๆ สายของตนเองยกร่างเอาไว้ เอาเข้าจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องรอถึงสิงหาคม 2565 ทุกวันนี้รัฐบาลทราบดีว่าเราอยากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เร็วที่สุดทุกเวลา สิงหาคมปีนี้ยังคิดว่าช้าเกินไป
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า หากนับการดำรงตำแหน่งเริ่มตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2557 ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้แล้ว ขณะที่พ.ต.อ.ทวีกล่าวเสริมว่า สามารถเสนอได้ แต่ประชาชนต้องตื่นรู้ว่าคุณเป็นรัฐมนตรี 7 ปี บ้านเมืองเราบอบช้ำมามากแล้ว วันนี้ต้องเปิดโอกาสให้ผู้นำที่ประชาชนเลือกจะดีกว่า
ถามว่ากังวลหรือไม่หากฝ่ายรัฐบาลจะชิงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็นวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นอำนาจของ กกต.และ ครม. หาก กกต.ยื่นอาจจะเป็นเจตนาบริสุทธิ์ เพราะ กกต.จะทราบว่าหากจัดการเลือกตั้งจะมีปัญหาหรือไม่ ถ้าเป็น ครม.อาจจะตีความว่าเป็นการฟอกตัวได้ เชื่อว่าถ้าหากมีการยื่นจริง มีแนวโน้มว่าศาลจะรับคำร้องไว้แน่ เพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว จากกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา
ถามอีกว่า หากศาลตีความในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ครบวาระแล้ว จะเกิดเดดล็อกทางการเมืองหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้ามีคำวินิจฉัยออกมาว่าวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ และเมื่อมีการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งไปนั้น มันก็มีผลแน่นอนต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ถามว่าใครจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะ กกต.ที่ไม่ตรวจสอบคุณสมบัติการเข้ามาสู่ตำแหน่ง
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายขับไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ก่อนศาลตีความเรื่องหมดอายุพล.อ.ประยุทธ์ควรตีความตัวเองบ้าง ซื้อเวลาแก้โควิดด้วยยอดเสียชีวิตของประชาชน หารายได้ด้วยการขยายเพดานกู้แก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการเป็นคู่ขัดแย้งและเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ปฏิรูปการเมืองด้วยการร่างรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจรักษาตำแหน่งด้วยการแจกกล้วยกำจัดรัฐบาลเก่าด้วยการดูดลูกพรรคไปเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี คุยกับสัตว์สารพัดชนิดเข้าใจแต่คุยกับคนไทยไม่รู้เรื่องเกือบ 8 ปี ทำบ้านเมืองแบบนี้ยังคิดจะอยู่ต่ออีกหรือ?.
©2018 CK News. All rights reserved.