ภายหลังจากที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการมีแผนที่จะเตรียมความพร้อมในการเปิดเทอมภาคเรียนที่ 2/2564 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เบื้องต้นจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม แก่กลุ่มผู้ที่มีอายุ 1-17 ปี 11 เดือน 29 วัน จำนวนกว่า 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ระดับ ม.1-6, ปวช. ปวส. หรือเทียบเท่า รวมถึงนักเรียนชั้น ป.6 ที่มีอายุ 12 ปี ซึ่งจะเริ่มฉีดวันที่ 1 เดือนตุลาคม 2564 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 29 จังหวัดก่อน โดยตั้งเป้าหมายให้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน
ล่าสุด วันนี้ (15 กันยายน 2564) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของนักเรียน และผู้ปกครองในพื้นที่ ชุมชนประสพสุข ซ.5 ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบว่าหลายครอบครัวต่างรู้สึกเป็นกังวลใจ และไม่พร้อมที่จะให้บุตรหลานของตนเองไปฉีดวัคซีน เพราะกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงกับเด็กและเยาวชน ขณะที่เด็กๆ ที่อยู่ในกลุ่มอายุ 12-17 ปี ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากไปฉีดวัคซีน เพราะกลัวเกิดผลข้างเขียงทำให้พิการหรือเสียชีวิต
ด.ช.ชนาธิป พิมพ์โพธิ์กลาง อายุ 14 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนเทศบาล2 (วัดสมอราย) บอกว่า ตนเองรู้สึกกลัวการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างมาก เพราะได้ยินข่าวว่ามีคนเสียชีวิตจากผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนบ่อยๆ ทางสื่อต่างๆ ดังนั้นถ้าจะให้ไปฉีดคงจะไม่ไปแน่นอน เพราะกลัวจะเสียชีวิต ส่วนการจะให้เปิดเรียนในเทอมหน้านั้น ตนก็คงไม่กล้าไปโรงเรียน เนื่องจากกลัวไปติดเชื้อจากเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ หากเป็นไปได้ก็อยากเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน ซึ่งจะปลอดภัยกว่า
ด้านนางนิลวรรณ น้อยอินทร์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 945 ชุมชนประสพสุข ซ.5 ซึ่งเป็นย่าของ ด.ช.ชนาธิปฯ กล่าวว่า ถ้าจะให้หลานของตนเองฉีดวัคซีน ขอถามรัฐบาลก่อนว่าจะปลอดภัยหรือไม่ มีอะไรมารับประกัน ถ้าหากฉีดไปแล้วหลานเกิดแพ้วัคซีนจนกลายเป็นผู้พิการ หรือเสียชีวิตไป ใครจะรับผิดชอบ จะสามารถเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบได้หรือไม่ ตนเองรู้สึกกังวลมาก เพราะมีข่าวออกมาบ่อยว่ามีคนแพ้วัคซีนจนเสียชีวิตมาแล้วหลายคน ส่วนการที่จะให้โรงเรียนเปิดเทอมคิดว่าน่าจะยังไม่พร้อมขณะนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็ยังคงมีการระบาดของเชื้อโควิด-19 จำนวนมากอยู่ ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าเปิดเทอมแล้วต้องเกิดคลัสเตอร์โรงเรียนขึ้นมาแน่นอน เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ปกครองนักเรียนแต่ละคน ไปไหนมาบ้าง ถ้าติดเชื้อแล้วนำมาระบาดในโรงเรียนจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ดังนั้นจึงเห็นว่าไม่เหมาะที่จะเปิดเทอมช่วงนี้
ขณะเดียวกัน นายบัญญัติ วุฒิไวย อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 957 ชุมชนประสพสุข ซ.5 ซึ่งมีลูกชาย 2 เรียน อายุ 8 ขวบ และ 15 ปี กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วก็ยังรู้สึกกังวลกับการให้ลูกชายไปฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แต่ถ้าฉีดแล้วไม่มีผลข้างเคียงก็พร้อมที่จะให้ลูกชายไปฉีด เพราะเชื่อมั่นว่าการได้ฉีดวัคซีนจะทำให้มีภูมิคุ้มกันดีกว่า ซึ่งขณะนี้ก็ต้องรอติดสินใจอีกครั้งช่วงใกล้วันฉีด ส่วนเรื่องการเปิดเทอมนั้น ตนเองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะขณะนี้ไวรัสโควิด-19 ก็ยังคงระบาดหนักในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา ถ้าให้ลูกชายไปโรงเรียนตนไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้าง เพราะผู้ปกครองนักเรียนแต่ละคนก็ไม่รู้ว่าไปทำงานที่ไหนมาบ้าง ได้รับวัคซีนมาครบแล้วหรือไม่ หากมาจากต่างจังหวัดได้กักตัวหรือไม่ อาจจะไปสัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้วนำมาระบาดในโรงเรียนได้ แต่ถ้ารัฐบาลยังยืนยันที่จะให้โรงเรียนต่างๆ เปิดเทอม ตนเองก็ยืนยันว่าจะไม่ให้ลูกไปโรงเรียนเช่นกัน.
©2018 CK News. All rights reserved.