เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 13 กันยายน ที่สำนักงานอัยการพิเศษ คดีศาลแขวง 3 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ส่งตัวพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง 25 แกนนำไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชน ให้อัยการพิเศษศาลแขวง ในความผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 ,ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นกีดขวางการจราจร ตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ.2522 ,ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนพื้นถนน ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 รวมทั้งสิ้น 4 ข้อหา
สืบเนื่องจากการจัดชุมนุมสะพานผ่านฟ้า-ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24, 26 มิถุนายน และ 3, 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา
โดยรายชื่อผู้ต้องหาทั้งหมดประกอบไปด้วย นายวีระ สมความคิด ,นายเมธา มาสขาว ,นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ ,น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ ,นายจำนงค์ หนูพันธ์ ,นายไทกร พลสุวรรณ์ ,นายยศวริศ ชูกล่อม ,นายนันทพงษ์ ปานมาศ ,ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ,นายณัทพัช อัคฮาด ,นายธนเดช ศรีสงคราม (ม่อน อาชีวะ) ,นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ ,นายเศวต ทินกูล ,นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง ,น.ส.กัญญารัตน์ บุญรีบส่ง, นายพราหมศักดิ์รพี พรหมชาติ ,นายวันเฉลิม กุนเสน ,นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ,นายวรพล แกมขุนทด นายสุรเดช นาจำปา ,นายคุณานนท์ คุณานุวัฒน์ น.ส.วรัญญา ศิริปัญญา ,นายสุวรรณ์ อันสังข์ ,นายธนยศ ชินพันธุ์ และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และแกนนำไทยไม่ทนฯ กล่าวว่า ได้หนังสือขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการว่า หลังจากปฏิเสธข้อกล่าวหาแล้ว ได้ให้การเพิ่มเติมเป็นลายลักษณ์อักษรแก่พนักงานสอบสวนลงวันที่ 9 กันยายน รวมถึงแนบภาพถ่ายการชุมนุมในวันดังกล่าวประกอบที่แสดงถึงข้อขัดแย้งกับข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนโดยสิ้นเชิง และได้ขอให้สอบพยานเพิ่มเติมอีก 4 คน เพื่อประโยชน์แก่ผู้ต้องหา ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์ให้เห็นความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมตามคำให้การ รวมถึงขอให้สอบหาข้อเท็จจริงว่าในการชุมนุมดังกล่าวมีประชาชนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการชุมนุมตามข้อกล่าวหาหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงผู้ร่วมชุมนุมทั้งหมดในวันดังกล่าวมีมาตรการป้องกันการแพร่หรือการติดเชื้อโควิด-19 เป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันก็ไม่พบว่าการชุมนุมนั้นเป็นเหตุให้มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19แต่อย่างใด ทั้งยังเป็นการชุมนุมโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ตามรายละเอียดในคำให้การเพิ่มเติมที่อ้างถึง
แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้สอบพยานเพิ่มเติมเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์ให้เห็นความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหาแต่กลับเร่งรีบยื่นส่งสำนวนสอบสวนที่ขาดการพิสูจน์ความผิดให้พนักงานอัยการในวันนี้ รวมถึงในคดีอาญาเดียวกันทั้งหมดนั้น มีผู้ถูกตั้งข้อหาทั้งสิ้น 32 คน แต่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ยังสอบผู้ต้องหายังไม่แล้วเสร็จและนำส่งสำนวนคดีทั้งสิ้นเพียง 25 คนเท่านั้น อีก 7 คนที่เหลือประกอบไปด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ,นายสมบูรณ์ ทองบุราณ นายเสกข์สืบพงศ์ วงศ์สมัก ,นายธนชาติ ไชยทองพันธ์ ,พ.ท.แพทย์หญิง กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี ,นายพงษ์พิสิษฐ์ คงเสนา และนายอานนท์ แม้นเพชร
ซึ่งการเร่งรัดนำส่งคดีดังกล่าวทั้งที่ยังไม่แล้วเสร็จ น่าจะถูกฝ่ายการเมืองกดดันเร่งรัดดำเนินคดีประชาชน จึงเป็นการสอบสวนที่ไม่ครบถ้วนตามหลักการว่าด้วยการสอบสวนและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้ง ๆ ที่พนักงานสอบสวนยังสามารถรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ได้อีกมากเพื่อทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ อันจะพิสูจน์ให้เห็นความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาได้ สมควรสั่งการให้สอบให้เสร็จสิ้นครบทุกคนเสียก่อนเพื่อรวมเป็นคดีเดียวกัน จึงขอความเป็นธรรมให้พนักงานอัยการได้ชะลอเวลาออกไปเพื่อความสมบูรณ์ของสำนวนสอบสวน และสั่งพนักงานสอบสวนให้สอบพยานเพิ่มเติมด้วย เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ถูกกล่าวหาโดยมิชอบ และพิสูจน์ว่าการพิจารณาการแจ้งความโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง อาจถือเป็นการแจ้งความเท็จหรือไม่
เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ผู้ร่วมชุมนุมทั้งหลายนั้น ไม่มีผู้ใดติดเชื้อโควิด -19 และไม่มีการสอบสวนหาผู้ติดเชื้อโควิด 19 ในที่ชุมนุมดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันว่า การร่วมชุมนุมและจัดการชุมนุมไม่ได้มีลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือเป็นสาเหตุที่ก่อเกิดโรคโควิด-19 ดังที่ตั้งข้อหา รวมถึงการจัดให้มีการตรวจคัดกรองอุณหภูมิ การนั่งรักษาระยะห่าง ตามภาพที่มอบให้พนักงานสอบสวนนั้น ขัดแย้งกับการตั้งข้อกล่าวหาอย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ การตั้งข้อหาต่อของคณะฯ จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว และมีลักษณะที่เจตนาและจงใจที่จะให้เกิดความเสียหายให้แก่ผู้ต้องหาเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่นโดยมิชอบ และทำให้เสียเวลาพนักงานอัยการในการพิจารณาคดีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน การสอบไม่ครบถ้วนกระบวนความ สอบผู้ต้องหาไม่ครบทุกคนและแยกสำนวนนำส่ง ทำให้คดีรกศาล รกสำนักงานอัยการ เป็นภาระมากเกินจำเป็นในกระบวนการยุติธรรมทั้งในเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายของราชการที่มาจากภาษีของประชาชน
หากพนักงานอัยการได้สั่งให้ทำการสอบสวนพยานบุคคลและพยานหลักฐานต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นโดยครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จะได้ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ที่ชี้ได้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา และการดำเนินคดีนี้มิได้เป็นประโยชน์แก่สาธารณะแต่ประการใด ขอพนักงานอัยการได้โปรดมีคำสั่งไม่ฟ้องต่อไป
นอกจากนี้การเร่งรัดดำเนินคดีโดยอ้างจำนวนวันผลัดฟ้องไม่ถูกต้อง เพราะความจริงแล้ว พนักงานสอบสวนไม่ได้ถูกจำกัดโดยกำหนดเวลาผลัดฟ้องแต่อย่างใด เพราะตามมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. พิจารณาคดีศาลแขวง ใช้กับผู้ต้องหาที่ถูกจับเพื่อคุ้มครองผู้ต้องหาดังกล่าวไม่ให้พนักงานสอบสวนถ่วงคดี อันเป็นการจำกัดอิสระเสรีภาพของผู้ต้องหา ไม่ใช้ผู้ต้องหาที่มอบตัวและไม่อยู่ในการควบคุมตัวเช่นพวกเรา และผู้จ้องหาคดีการเมืองแบบนี้ทุกคนจะต้องได้รับการประกันตัว เพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมขั้นพื้นฐาน อย่าผลักใสให้ผู้บริสุทธ์ต้องไปติดโควิด-19 ในคุก โดยรัฐยัดเยียดโรคติดต่อร้ายแรงให้ ทั้งๆ ที่พวกเขาป้องกันตนเองตลอดเวลาเพราะพึ่งพานโยบายรัฐบาลที่ล้มเหลวของรัฐบาลไม่ได้ จะต้องให้ประกันตัวแกนนำประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็ว
นอกจากนี้ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ ที่ใช้เป็นข้ออ้างละเมิดสิทธิ์ประชาชนโดยเฉพาะกับประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมืองโดยเร็วที่สุด ก่อนที่กระบวนการยุติธรรมจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ และประกาศใช้เพียง พ.ร.บ.โรคติดต่อก็เพียงพอแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขใหม่โดยแอบยัดใส้การนิรโทษกรรมความผิดฝ่ายการเมืองในการใช้อำนาจบริหารจัดการผิดพลาดด้วย เพราะจะต้องมีการรับผิดชอบทางกฎหมายในอนาคตตามระบบนิติธรรม
©2018 CK News. All rights reserved.