นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน กทม. และปริมณฑลว่า จากการทำงานดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนของทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งอดีต ส.ส. อดีต ส.ก. ส.ข. และ ตัวแทนสาขาพรรคจากพื้นที่ต่างๆ พบว่าขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวนอกระบบทำงานรับจ้างต่างๆ พักอาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดในห้องเช่าราคาถูก อยู่รวมกันหลายคน เมื่อติดเชื้อโควิดแล้วมักจะรักษากันเองตามยถากรรม เพราะไม่ทราบว่าจะเข้าสู่การรักษาตามระบบต่างๆ ที่ทางการกำหนดขึ้นมาอย่างไร
บางรายได้รับการแนะนำจากเพื่อนคนไทยให้เข้าสู่ระบบก็ไม่สามารถเข้าได้เพราะเป็นแรงงานต่างด้าวนอกระบบ ไม่ได้อยู่ในระบบเหมือนแรงงานต่างด้าวที่ทำงานตามโรงงาน หรือทำงานก่อสร้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมซึ่งเมื่อติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ๆ แล้วก็จะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับแรงงานไทยตั้งแต่ตรวจหาเชื้อ ถ้ามีเชื้อก็รักษาไปจนถึงได้ฉีดวัคซีนด้วย แต่แรงงานต่างด้าวนอกระบบไม่ได้รับการดูแลเหมือนแรงงานต่างด้าวในระบบ
แรงงานต่างด้าวนอกระบบที่ติดเชื้อโควิดเหล่านี้ มักใช้ชีวิตทำงานตามปกติขณะที่พยายามรักษาตัวเองจนกลายเป็นผู้ติดเชื้อเคลื่อนที่กลายเป็น “คลัสเตอร์เคลื่อนที่” กระจายแพร่เชื้อต่อกันไปเรื่อยๆ
แรงงานต่างด้าวนอกระบบส่วนหนึ่งเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย จึงไม่อยากติดต่อทางการเพื่อเข้าสู่การดูแลรักษาตามระบบเพราะเกรงว่าจะถูกลงโทษทางกฎหมาย และส่งตัวกลับประเทศ
การจะแก้ไขปัญหาคลัสเตอร์เคลื่อนที่ของแรงงานต่างด้าวนอกระบบที่ติดเชื้อโควิดไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดต่อไปเรื่อยๆ คือ ทางการจะต้องดูแล นำแรงงานต่างด้าวเหล่านี้เข้ามาดูแลรักษาตามระบบ Home Isolation (HI) หรือ Community Isolation (CI) และระบบอื่นๆ ตามอาการอย่างทันท่วงทีเหมือนผู้ติดเชื้อชาวไทยที่ได้รับการดูแลตามสมควร ทางการไทยไม่ควรปล่อยให้ผู้ติดเชื้อต่างด้าวรักษากันเองตามยถากรรมเพราะจะทำให้เชื้อแพร่ระบาดมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการแก้ไขป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสังคมไทยตามไปด้วย
จึงขอฝากให้ ศบค. พิจารณาให้หน่วยงานของทางราชการทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นดูแลรักษาแรงงานต่างด้าวตามระบบต่างๆ เหมือนดูแลรักษาคนไทยนอกจากเพื่อช่วยกันระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านให้มีความรู้สึกที่ดีมีความประทับใจขณะที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยอีกด้วย
©2018 CK News. All rights reserved.