วันที่ 11 สิงหาคม 2564 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรม และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในฐานะเซลส์แมนประเทศ เร่งแก้ปัญหาราคาลำไยภาคเหนือตกต่ำโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกลำไย รวมถึงผู้รวบรวมรับซื้อ และผู้ส่งออก หลังจากที่ขณะนี้ ผลผลิตลำไยภาคเหนือทยอยออกสู่ตลาดมาก แต่ผลผลิตบางส่วนไม่ได้คุณภาพ ลูกเล็ก แตกลาย แก่เร็วกว่าปกติ เพราะสภาพอากาศแปรปรวน ไม่สามารถนำไปอบแห้งได้  ประกอบกับเชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ขาดแคลนแรงงานเก็บลำไย ทั้งในส่วนของแรงงานชนเผ่า ที่ปิดหมู่บ้านป้องกันโควิด จึงออกจากหมู่บ้านมาเก็บลำไยได้ ส่วนแรงงานต่างด้าว ก็ไม่สามารถเดินทางข้ามเขต ขณะที่แรงงานไทยจากภาคอื่น ก็ขาดแคลนเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัญหาไม่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างจีน และเวียดนาม จึงขาดความมั่นใจที่จะซื้อจากเกษรกร และส่งผลให้ราคาตกต่ำ 
              

สำหรับการแก้ปัญหา คือ จะเร่งดูดซับผลผลิตลำไยในช่วงที่ผลผลิตกระจุกตัวนี้ รวมกว่า 80,000 ตัน โดยกรมจะช่วยค่าบริหารจัดการกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาทสำหรับรับซื้อลำไยของ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย แพร่ น่าน และพะเยา, จัดทำสัญญากับผู้ซื้อ 6 ราย เป้าหมาย 4,788 ตัน ได้แก่ บิ๊กซี เดอะมอลล์ โลตัส แม็คโคร ตลาดกลางต่างๆ, สนับสนุนค่าบริหารจัดการด้านการส่งออกกก.ละ 5 บาท เพื่อเร่งการซื้อส่งออก ล่าสุด มีผู้ส่งออกลำไยที่ยื่นขอรับการสนับสนุนแล้ว 31 ราย ปริมาณส่งออก 59,482 ตัน  

นอกจากนี้ ยังจะเสริมสภาพคล่องให้กับผู้รับซื้อ โดยจะชดเชยดอกเบี้ย 3% วงเงินกู้รายละ 50 ล้านบาท ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน ให้กับสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ เพื่อนำไปเสริมสภาพคล่องในการซื้อลำไยจากเกษตรกร  

ในขณะเดียวกัน กรมจะจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคลำไยในประเทศ เป้าหมาย 2,350 ตัน ผ่านร้านธงฟ้า รถโมบาย ห้างท้องถิ่น ห้างค้าส่งค้าปลีก ททบ.5 ขณะที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท, และบางจาก ได้อนุเคราะห์พื้นที่ภายในปั๊มให้เกษตรกรนำผลผลิตมาขายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยมั่นใจว่า จากมาตรการต่างๆ จะช่วยทำให้ราคาลำไยปรับตัวขึ้นได้