“หมอธีระ” แนะไทยต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ 1 เดือน ทางออกวิกฤตโควิด-19


27 ก.ค. 2564, 09:37

“หมอธีระ” แนะไทยต้องล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ 1 เดือน  ทางออกวิกฤตโควิด-19




เมื่อวันที่ (26 ก.ค.) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก “Thira Woratanarat” แสดงความคิดเห็นถึงแนวทางแก้ปัญหาโควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้

สถานการณ์ของไทยตอนนี้ มีจำนวนติดเชื้อใหม่สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก

มีจำนวนติดเชื้อสะสมพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ล่าสุด อันดับ 47 และคาดว่า อีก 2 วัน จะแซงซาอุดีอาระเบียได้ มีผู้ป่วยรุนแรงและวิกฤตมากเป็นอันดับที่ 8 และมีคนเสียชีวิตไปกว่า 4,000 คน จำนวนเสียชีวิตต่อวันตอนนี้สูงเป็นอันดับที่ 13 ของโลก



หากดูข้อมูลการติดเชื้อรายวัน จะพบว่า สัดส่วนการติดเชื้อใหม่นั้นอยู่ในต่างจังหวัด 59% และ กทม.กับปริมณฑล 41% ตัวเลขนี้มีความสำคัญมากในยามที่ ”จำนวนติดเชื้อใหม่” สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เพราะหมายถึงสิ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คือ ระบบสาธารณสุขในต่างจังหวัดจะต้องรับมือเคสจำนวนมาก

รวมถึงเคสที่รุนแรงและวิกฤตที่จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยต้องการทรัพยากรที่จำเป็นทั้งคน เงิน อุปกรณ์ป้องกัน อุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการรักษาผู้ป่วยหนัก และสถานที่

หากโครงสร้างพื้นฐานในต่างจังหวัดมีไม่เพียงพอ จะเกิดปัญหาหนักตามมา ทั้งติดเชื้อในโรงพยาบาล และจำนวนการเสียชีวิตที่จะสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ณ จุดนี้ เรื่องสำคัญที่สุด คือ สถานพยาบาลจำเป็นต้องมีนโยบายเพื่อดูแลป้องกันบุคลากรในทุกระดับอย่างเต็มที่ ต้องรู้ลิมิตที่จะรับและจัดการได้ ทำทุกทางอย่าให้เกิดการติดเชื้อภายในสถานพยาบาลทั้งจากการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันของบุคลากร เพราะจะเกิดผลกระทบมากมายตามมา ทั้งต่อตัวบุคลากรเอง ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ผู้ป่วย และประชาชน


หากจัดระบบบริการใดขึ้นมา ขอให้เน้นสวัสดิภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก วิเคราะห์ช่องโหว่และความเสี่ยงให้ดี มิฉะนั้น ต่อให้เรามีบุคลากรมากเท่าใด ก็จะไม่เพียงพอกับความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ถ้าป้องกันตัวได้ดี ก็จะมีกำลังช่วยประชาชนได้มากในระยะยาว

ประเมินสถานการณ์แล้ว จำเป็นต้องพึ่งพาความร่วมมือระดับชุมชนมาร่วมกันจัดการปัญหาการระบาดนี้ ทั้งเรื่องการป้องกันควบคุมโรค รวมถึงการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ เพราะระบบสาธารณสุขไม่มีทางรับมือได้โดยลำพัง

 


คำที่เกี่ยวข้อง : #หมอธีระ  









©2018 CK News. All rights reserved.