วันนี้ (21 มิ.ย.) นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตส.ว. ประธานกรรมการนโยบาย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ได้โพสต์ข้อเขียน เรื่อง ทักษิณยิ่งพูด ประยุทธ์ยิ่งได้คะแนน เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
“รัฐบาลประยุทธ์ได้ออกมาประกาศนโยบายเศรษฐกิจโดยเพิ่มแหล่งเงินทุน มีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียและจะเพิ่มสาขาโรงรับจำนำ ขณะเดียวกันจัดทำรับจำนอง
นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาแสดงความเห็นทำนองว่า ได้ยินมาตรการการเพิ่มสาขาโรงรับจำนำแล้วไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่า ควรจะลดจำนวนโรงรับจำนำให้หมดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยแพง เป็นที่กู้เงินของคนจน เล่นคำว่า ควรขยายช่องทางทำมาหากิน ไม่ใช่ขยายช่องทางหมดตัว (ช่องทางให้คนไปเป็นหนี้)
การที่นายทักษิณออกมาพูดในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายทักษิณขาดความรู้เรื่องสินเชื่อของคนยากจน และส่งผลให้คะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะ
1.การนำของไปจำนำที่โรงรับจำนำ ส่วนมากเป็นเรื่องของคนเล็กคนน้อยที่ยากจน เป็นการกู้เงินระยะสั้น และจำนวนเงินกู้ในระดับต่ำส่วนมากเป็นระดับพันหรือหมึ่นบาท มิได้กู้เงินเป็นหลักแสน เป็นหลักล้านหรือเป็นร้อยล้าน
เป็นการกู้เงินในยามที่ขาดสภาพคล่องของคนรายได้น้อย ที่จำเป็นต้องใช้เงินในยามเปิดเทอมที่ต้องส่งลูกเข้าโรงเรียน ในยามเจ็บป่วย หรือมีเหตุจำเป็นที่ไม่คาดคิด
โรงรับจำนำจึงเป็นแหล่งเงินกู้ที่สะดวกกว่าการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ถ้าขาดโรงรับจำนำก็จะต้องกู้เงินจากนายทุนนอกระบบ ซึ่งดอกเบี้ยแพงกว่ามาก
2.ดอกเบี้ยที่โรงรับจำนำของรัฐคิด ก็อยู่ในอัตรา 0.25% ถึง 1.25% ต่อเดือน หากเป็นโรงรับจำนำของเอกชนก็จะคิดในอัตรา 1.25% ถึง 2% ต่อเดือน
การที่นายทักษิณบอกว่าอัตราดอกเบี้ยแพง เป็นเพราะนายทักษิณคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน ประมาณการเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะเท่ากับ 12% ถึง 24% ต่อปี
การคำนวนโดยเอาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมาประมาณการเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี จึงไม่สมจริงและน่าจะมีปัญหา เพราะการกู้เงินจากโรงรับจำนำเป็นการกู้จำนวนน้อยและระยะสั้น ผู้ให้กู้ก็ย่อมจะต้องคิดอัตราดอกเบี้ยแพง เพราะต้นทุนของการให้กู้ ในจำนวนเงินน้อยและระยะสั้น จะสูงกว่าการกู้ในจำนวนเงินมากและระยะยาว ขณะเดียวกันผู้กู้ก็ยินดีจะจ่ายเพราะจำนวนดอกเบี้ยรวมทั้งหมดก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก
โรงรับจำนำจึงเป็นแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจำนวนเงินกู้น้อย ที่ดีกว่าการกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบอย่างมาก
3.การเพิ่มสาขาของโรงรับจำนำของรัฐ จึงน่าจะเป็นแหล่งเงินกู้ยามจำเป็นของคนยากจน มิใช่ขยายช่องทางให้หมดตัวเหมือนที่ทักษิณพูด เพราะไม่มีงานศึกษาวิจัยที่ไหนพบว่าการมีทางเลือกของแหล่งเงินกู้ที่มากขึ้น จะทำร้ายผู้กู้ หรือทำให้คนเป็นหนี้สินมากขึ้น แต่จะเป็นการแข่งขันกับผู้ให้กู้นอกระบบ และที่ทำให้คนจน มีทางเลือกที่ดีขึ้น
4.ระยะนี้นายทักษิณออกมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ให้เป็นข่าวค่อนข้างมาก ยิ่งพูดมากพูดบ่อยก็ยิ่งสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลประยุทธ์มากขึ้น เพราะผู้ชม ผู้ฟังที่รู้ทันทักษิณ จะเห็นความคิดอ่านที่ย้อนยุค ตกสมัย และไม่สมจริง และอาจจะเห็นใจพลเอกประยุทธ์มากยิ่งขึ้น ดังเช่นกรณี เมื่อเร็วๆ นี้ทักษิณคุยว่าจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ใน 6 เดือน
ซึ่งคนก็รู้ทันว่าในอดีตทักษิณก็เคยบอก ถ้าได้เป็นผู้บริหารประเทศจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ให้ได้ใน 6 เดือน แต่เมื่อทำไม่ได้ก็แก้ตัว เล่นลิ้นทางการตลาดโทษประชาชนว่า หากประชาชนช่วยกันเปลี่ยนพฤติกรรม การขับรถ การจอดรถ การข้ามถนน เป็นต้น จะลดปัญหาการจราจรได้พฤติกรรมละ 10%
5.การที่ไทยพีบีเอสช่องหมายเลข 3 ในช่วงข่าวค่ำของวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน ได้ทำสารคดีเชิงข่าว นำเอาถ้อยแถลงของนายกฯประยุทธ์ และอดีตนายกฯทักษิณมาเปรียบเทียบ และได้แสดงจำนวนโรงรับจำนำของรัฐและเอกชน รวมถึงสัมภาษณ์นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ จึงถูกตั้งข้อสังเกตเพราะสามารถมองได้หลายมุม
มีผู้ไม่พอใจที่ไทยพีบีเอสช่องหมายเลข 3 นำความเห็นของนายทักษิณมาออกอากาศ คู่กับพลเอกประยุทธ์ เห็นว่าไม่เหมาะสมเพราะคิดว่าเป็นความเห็นของนักโทษที่หนีคดี แม้ผู้จัดทำสารคดีเชิงข่าว จะได้แจ้งในรายการว่าเป็นความเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็มีผู้ไม่พอใจ เพราะคิดว่านักโทษไม่น่าจะมีสิทธิ์ แสดงความเห็นเป็นข่าวเทียบกับนายกรัฐมนตรี
แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้เห็นว่าเป็นการดีที่ให้ประชาชนได้รู้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็นนักโทษหลบหนีคดีแสดงความเห็นที่ด้อยค่าตัวเอง และแสดงธาตุแท้ของนายทักษิณที่มีอคติ หวังเพียงวิพากษ์วิจารณ์ให้ปรากฏเป็นข่าว
สารคดีเชิงข่าวดังกล่าว ทำให้ผู้ชมได้รู้ว่าทั่วทั้งประเทศโรงรับจำนำของรัฐมีจำนวน 299 แห่ง ของเอกชนมีจำนวน 453 แห่ง และยังมีร้านทองที่รับจำนำทองอีก 7,000 กว่าแห่ง และโครงการรับจำนำใหม่ของรัฐบาลจะคิดอัตราดอกเบี้ยเพียงครึ่งสลึงต่อเดือนเท่านั้น
ดร.สมชัย จิตสุชน แห่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้ให้สัมภาษณ์ในสารคดีเชิงข่าวของไทยพีบีเอสด้วยว่า การที่รัฐบาลจะเพิ่มจำนวนสาขาของโรงรับจำนำเป็นการให้ทางเลือกแก่ผู้ต้องการกู้เงินไม่น่าจะเสียหายอะไร
ผู้เขียนมีความเห็นว่า นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสาธารณะย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ และหากประสงค์จะตอบโต้หรือแก้ข้อกล่าวหาก็ย่อมทำได้อยู่แล้ว เพราะในสถานภาพของนายกรัฐมนตรีการแสดงความเห็นของท่าน ย่อมอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนที่จะนำเสนอต่อประชาชนอยู่แล้ว
ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นักโทษผู้หนีคดี ที่ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักหยุด ไม่รู้จักตัวเองว่าล้าสมัย และไม่รู้จักสังคมไทยอย่างแท้จริง ยิ่งพูดยิ่งหิวแสง ยิ่งแสดงออกยิ่งเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ยึดอยู่กับอำนาจนานยิ่งขึ้น”
©2018 CK News. All rights reserved.