เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และ นพ.วชิระ บถพิบูลย์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะโฆษกคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยภูมิ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ โดยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลชัยภูมิทำคลอดให้ คุณแม่ที่ติดเชื้อโควิด วัย 36 ปี เพื่อช่วยเด็กแรกเกิดให้คลอดได้อย่างปลอดภัยก่อนกำหนด และเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 64 ทางทีมแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูงจึงต้องกักตัวไปรวม 14 ราย และวันที่ 20 เม.ย. 64 จึงจำเป็นต้องกักตัวทีมแพทย์ หมอ พยาบาล บุคลากรที่เกี่ยวข้องในห้องผ่าตัดครั้งนี้ด้วยทั้งหมด รวมทั้งหมดเป็น 24 ราย

ในเบื้องต้นผลการตรวจโควิด-19 ของบุคลากรทางการแพทย์ในครั้งแรกออกมาแล้วว่า ไม่พบเชื้อ แต่ก็ต้องกักตัวต่อให้ครบ 14 วัน เพื่อรอตรวจยืนยันอีกครั้ง ในช่วงนี้ทางโรงพยาบาลจึงขาดแคลนบุคคลากรทางการแพทย์ในห้องผ่าตัด และจะมีการจัดทีมแพทย์ชุดใหม่เข้ามาเสริม เพื่อสนับสนุนการบริการในช่วง 14 วันดังกล่าว

ในขณะนี้จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เพิ่มจำนวน 2 ราย ทำให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 34 ราย รายที่แรกเป็นหญิง อายุ 23 ปี อาชีพวิศวกรโยธาเอกชน ในพื้นที่เทศบาลเมืองชัยภูมิ โดยเมื่อวันที่ 9 – 13 เมษายน 2564 เดินทางไปจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น วันที่ 14 เมษายน 2564 กลับมาที่จังหวัดชัยภูมิ ในตำบลส้มป่อย อำเภอจัตุรัส ก่อนเดินทางมาบ้านในตัวอำเภอเมืองชัยภูมิ ไปที่ห้างสรรพสินค้า และร้านชาบูพุงกาง ต่อมาเพื่อนจากจังหวัดมหาสารคามโทรมาบอกว่าติดเชื้อโควิด -1 9 จึงรีบเดินทางมาตรวจและพบว่าตัวเองติดเชื้อ

อีกรายเป็นหญิง อายุ 30 ปี อาชีพอิสระ ติดมาจากร้าน YY บาร์ ในอำเภอเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ที่พบผู้ติดเชื้อมาต่อเนื่องมากกว่า 7-8 ราย โดยหญิงรายนี้ไปเที่ยวในร้านดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 และก่อนหน้านี้มีเพื่อนที่สัมผัสใกล้ชิดไปเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 5 – 9 เมษายน ติดมาแล้วหลายราย แต่รายนี้เพิ่งมาขอตรวจเพิ่ม จึงได้พบว่า ติดเชื้อโควิด-19

 

นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ กล่าวว่า ถ้าหากสถานการณ์การระบาดของไวรัส โควิด – 19 ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทางจังหวัดจะพิจารณาขยายระยะเวลาการสั่งปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ จากเดิมสั่งปิดไปแล้ว 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จังหวัดจะมีมาตรการป้องกันที่สำคัญและเด็ดขาด หากพบว่าใครที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน เตือนแล้วไม่ฟัง จะต้องมีโทษปรับ 20,000 บาท