ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า มาตรการการอำนวยความสะดวกการเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการลดจำนวนวันกักกันตัวสำหรับผู้ที่มี vaccine certificate ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2564 เป็นต้นไป ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะบังคับใช้มาตรการกักกันตัวรูปแบบใหม่ รายละเอียดดังนี้

1. ผู้เดินทางกลับจากประเทศที่ไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ และมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบถ้วน (vaccine certificate) อาจพิจารณาให้กักกันตัวไม่น้อยว่า 7 วัน โดยต้องฉีดวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองจาก WHO หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนวันเดินทาง 
2. ผู้เดินทางกลับจากประเทศที่ไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ แต่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ต้องเข้ารับการกักกันตัวไม่น้อยกว่า 10 วัน
3.ผู้เดินทางกลับจากประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ ต้องเข้ารับการกักกันตัวไม่น้อยกว่า 14 วัน

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ประกาศรายชื่อประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์ โดยรายชื่อประเทศที่มีเชื้อกลายพันธุ์จะมีการทบทวนทุกเดือน สามารถติดตามการอัปเดตรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ www.ddc.moph.go.th ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 11 ประเทศ ได้แก่  แอฟริกาใต้ ซิมบับเว โมซัมบิก บอตสวานา แซมเบีย เคนยา รวันดา แคเมอรูน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แทนซาเนีย กานา

สำหรับวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองจาก WHO หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด มีทั้งสิ้น 7 ชนิด ได้แก่
วัคซีน CoronaVac ของบริษัท Sinovac (อย. ให้การรับรอง) วัคซีน AZD 1222 ของบริษัท AstraZenaca/Oxford (อย. ให้การรับรอง) วัคซีน AZD 1222 ของบริษัท Siam Bioscience /AstraZeneca/Oxford (อย. ให้การรับรอง) วัคซีน Ad26.COV2.S ของบริษัท Johnson & Johnson (อย. ให้การรับรอง) วัคซีนโทซินาเมแรน (Tozinameran) ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค วัคซีน Covishield ของ Serum Institute of India และวัคซีน mRNA-1273 ของบริษัท Moderna