เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรื่องการจัดกิจกรรมต่างๆ ช่วงวันสงกรานต์ว่า ตนคาดหวังว่าจะมีโอกาสในเรื่องของการเดินทาง ซึ่งวันนี้จะเห็นว่าเราไม่ได้มีการปิดกั้นอะไรในการเดินทาง โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา มีการเดินทางไปในพื้นที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก มีการจองที่พักเยอะ ค่อนข้างแน่น การจราจรก็ติดขัด เนื่องจากทุกคนช่วยกันระมัดระวังตัวเอง ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ทุกคนเรียนรู้ว่าจะอยู่กับโควิด-19 อย่างไรจนกว่าจะผ่านพ้นไป และวันนี้ยินดีที่มีการฉีดวัคซีนไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็มีปัญหาอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการให้เกิดความเป็นธรรมและทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ใกล้ชิดหน้างาน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ดูแลด่านตรวจจุดสกัด อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คนเหล่านี้มีความเสี่ยงติดโรคสูง ต้องเจอคนจำนวนมากในการดูแล
นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่วัคซีนมีเป็นล็อตๆมา เดี๋ยวจะปรับเพิ่มให้ วันนี้ดูแลไปถึงจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวด้วยจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายกันในล็อตแรกนี้ มันยังมีล็อตสองสามสี่ห้า และอาจจะอีกหลายๆล็อต ถ้าเอกชนสามารถเข้ากติกา การตรวจสอบคัดกรองประสิทธิภาพวัคซีนขององค์การอาหารและยา (อย.) ได้ เปิดกว้างทั้งหมด วันนี้เป็นการใช้ในสถานการณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน เมื่อทุกอย่างสามารถควบคุมได้ในวาระแรก ต่อไปก็ไม่ใช่ฉุกเฉิน จะใช้ในสถานการณ์ปกติได้ เหมือนไข้หวัดใหญ่ นี่คือการพัฒนาขั้นตอน ถ้าทุกอย่างสามารถควบคุมได้ไม่ไปแพร่เชื้อกับคนอื่น จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาต่อไปว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ในเรื่องวัคซีนกำลังประสานกัน สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว บางประเทศมีดำริว่าถ้าฉีดแล้วมีใบประกอบพาสปอร์ตไปได้หรือไม่ในการเดินทาง ซึ่งเป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่จะรับซึ่งกันและกัน ตนได้ให้ประสานหารือผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็สามารถเดินทางไปได้ถ้าเขารับพาสปอร์ตวัคซีน วันนี้โลกอยู่ในวัคซีน และเป็นที่น่ายินดีที่ผ่านมาหลายวันตนได้เฝ้าติดตามยังไม่มีใครมีผลกระทบจากการฉีดวัคซีน อาจจะมีบ้างเจ็บแขน ปวดศีรษะ เป็นไข้ เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหลายคนก็เป็นไข้เหมือนกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีในช่วงที่ผ่านมาและวันนี้ ซึ่งต้องบริหารต่อไป ต้องขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนด้วย
ายกฯ กล่าวว่า สิ่งดีๆ มันเกิดขึ้นจนคนอาจจะไม่ค่อยได้สนใจว่าเกิดอะไรบ้าง สิ่งสำคัญสุดคือการรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เช่น การรับบัตรสวัสดิการ เบี้ยคนพิการ เมื่อย้ายที่อยู่แล้วต้องแจ้งกับเขตอะไรต่างๆเพื่อกลับเข้าสู่ศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครทราบ เป็นสิ่งที่ท่านต้องเรียนรู้สิทธิ์ด้วย จะต้องรักษาสิทธิ์ตัวเอง และจะต้องเข้าถึงมาตรการรัฐอย่างไร เมื่อมีปัญหาคนเยอะ คนมาก เราก็แก้ และได้รับรายงานว่าทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ การทำงานอะไรที่เป็นเรื่องใหม่มันไม่ง่าย การทำงานเพื่อคนเป็นล้านๆคนไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิด ตนเจอปัญหานี้มาโดยตลอด พยายามปรับแก้ ริเริ่มอะไรใหม่ๆ แต่ก็มาว่าประเทศไทยไม่มีสถานที่รักษาผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร การประมง หรือโรงงานเยือกแข็งอะไรทำนองนี้ ซึ่งจริงๆเรามีเยอะอยู่แล้วไม่ใช้ไม่มี ในสถานการณ์ปกติเราทำมานานแล้ว มีหลายแสนตันในหลายพื้นที่ และไปเพิ่มในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) พัฒนาต่อมาตลอด ฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนได้ว่าเราไม่ทำตรงนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เอสเอ็มอีก็เหมือนกัน ต้องดูว่าวันนี้มีกี่รายที่ขึ้นทะเบียน ซึ่งมีไม่มากเพราะหลายคนยังไม่พร้อมที่จะมาขึ้นทะเบียน เราก็พยายามให้มาขึ้นทะเบียนเพื่อที่จะให้ใช้เงินของรัฐดูแลได้ ถ้าไม่ขึ้นทะเบียนเราดูแลได้ไม่ทั้งหมด เพราะกฎหมายบังคับไว้ ฉะนั้นถ้าอยากจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลต้องทำให้ถูกต้อง เพราะเงินรัฐบาลเป็นเงินที่เราต้องระมัดระวัง รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ต้องระวังการใช้จ่ายตรงนี้ จะมาบอกว่าทำไมไม่ได้ทั่วถึงก็ขอให้มาขึ้นทะเบียน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เพื่อที่จะจัดสรรปันส่วนได้ วันนี้ได้เฉพาะคนที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าไม่ถูกเขาก็ให้ไม่ได้ ดังนั้นอาจจะมองว่าไม่ทั่วถึง ขอให้ร่วมมือกันทั้งสองทาง ฝากสื่อมวลชนช่วยกันอธิบายตรงนี้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการสร้างการรับรู้วันนี้ตนได้ขอความร่วมมือให้ปรับรูปแบบการทำงานใหม่ ประชาสัมพันธ์ด้วยสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง ฉะนั้นกรุณานำไปเผยแพร่ให้ด้วยในหลายกิจกรรมตลอดที่รัฐบาลทำมาหลายปี อย่าให้เขาหาว่าไม่ทำอะไรเลย หลายอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการเริ่มต้นมาก่อน หลายอย่างเริ่มต้นมาแล้วและเป็นโครงการที่ดีตนก็ทำต่อให้ เพิ่มอะไรให้มากยิ่งขึ้น นั่นคือสิ่งที่เป็นผลงานรัฐบาล ฝากพวกเราทุกคนด้วยแล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ากิจกรรมสงกรานต์ได้หารือแล้วหรือยังว่าสามารถดำเนินกิจกรรมอะไรได้บ้าง นายกฯ กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ เดือนนี้เดือนอะไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดด้วยไม่ใช่หรือ ถ้าเปิดหมดแล้วเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำกันอย่างไร แก้ไขกันอย่างไร บอกมาด้วยแล้วกัน วันนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะทำอะไรได้บ้าง จะปลดล็อกบางอย่างหรือปลดล็อกทั้งหมด ถ้าระบาดขึ้นมาก็โทษกลับมาที่รัฐบาลอีก ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายนัก เพราะต้องรับผิดชอบคนทั้งประเทศ
©2018 CK News. All rights reserved.