เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่รัฐสภา สำหรับการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติที่รัฐสภานั้นแตกต่างไปจากปีที่ผ่านๆ มา เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ทางรัฐสภาไม่ได้เปิดสถานที่เพื่อจัดงาน แต่จัดกิจกรรมวิถีใหม่ New normal โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมประชุมกับเยาวชนผ่านแอพพลิเคชั่นซูม โดยจำลองเหตุการณ์ให้เด็กๆ เป็น ส.ส.รุ่นจิ๋ว ได้หารือในเรื่องต่างๆ เหมือนกับการประชุมสภาฯ ที่เปิดโอกาสให้ส.ส.หารือถึงปัญหาต่างๆ กับประธานในที่ประชุมสภา

นายชวน กล่าวตอนหนึ่งกับผู้ปกครองว่า ทุกคนควรให้ความสำคัญ กับประโยคที่ว่า เด็กในวันนี้ คือผู้ใหญ่ในวันหน้า เราต้องการให้บ้านเมืองในวันข้างหน้าเป็นอย่างไรก็ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพราะเด็กๆในวันนี้ คือ ประธานรัฐสภา หรือนักการเมืองในวันหน้า ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ ฝึกฝนให้มีความขยันหมั่นเพียร เพื่อไม่ให้เติบโตมาด้วยความอ่อนแอ ต้องสร้างเด็กๆ วันนี้ให้มีความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ นายชวน ได้มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2564 ดังนี้  “สุจริตและซื่อสัตย์ ยืนหยัดในหน้าที่ ตามวิถีประชาธิปไตย” โดยอธิบายว่า เพื่อมุ่งหวังให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์สุจริต ต้องรู้จักหน้าที่ และยึดถือแนวทางประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นอกจากนี้ นายชวน ได้พูดคุยกับตัวแทนเด็กๆ หรือ ส.ส.จิ๋ว ซึ่งต่างมาบอกเล่าความฝัน ทั้งการอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอล รวมถึงการอยากไปเรียนหนังสือ โดยขอให้โรงเรียนเปิดเร็วๆ ซึ่งประธานรัฐสภา ก็กล่าวว่า รู้สึกดีใจแทนเด็กๆที่รักการเรียน และเชื่อว่าอีกไม่นานโรงเรียนจะเปิดการเรียนสอนได้เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงและมีมาตรการป้องกันที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับรัฐสภาที่เวลานี้ก็ต้องงดการประชุมส.ส. 2 สัปดาห์ โดยได้มีมาตรการทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพิ่มความเข้มงวดคัดกรองบุคคลเข้าออกอาคาร หากไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยมา ก็ไม่อนุญาตให้เข้าอาคาร และไม่มีแจก ให้กลับไปเอาที่บ้าน

นายชวน กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันความพร้อมในเรื่องโอกาสของเด็กมีมากกว่าในอดีต ขึงอยากขอให้ผู้ปกครอง และครู อาจารย์ ในโรงเรียนได้สนับสนุนความสนใจของเด็ก เพราะเชื่อว่าความชอบ1อย่าง จะทำให้เกิดความชอบและเก่งในอีกหลายอย่างตามมา ซึ่งการที่เด็กชอบเล่นกีฬา นอกจากทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสอนให้เด็กรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เพราะบางทีแม้เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ไม่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้อภัย จนทำให้งานส่วนรวมมีปัญหา จึงควรปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ในวัยเด็กให้เป็นภูมิคุ้มกัน และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมต่อไป