สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนในหัวข้อ ‘The monarchy is god’: A Thai royalist in a divided kingdom โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในปัจจุบัน โดยสะท้อนแนวคิดของกลุ่มคนรักสถาบันฯ ผ่านการพูดคุยกับ ฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ชายผู้จงรักภักดี ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสกับนายฐิติวัฒน์ ว่า “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ”
โดยเนื้อหาระบุว่า กระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ระบุว่า “เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ” ได้ถูกสักไปที่แขนของ ฐิติวัฒน์ เรียบร้อยแล้ว
การร้านอาหารวัย 50 ปี ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเขาจะได้รับคำชมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากเขาได้ยืนถือพระบรมฉายาลักษณ์ (ร.9) ที่การชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และคาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอกับการคุกคามในโลกออนไลน์และเจอกับเสียงเรียกร้องให้เขาถูกไล่ออกจากงาน
“ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังคงรักและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์แต่พวกเขาไม่ออกมา” ฐิติวัฒน์ ระบุกับรอยเตอร์ และว่า “ใครก็ตามที่ออกมาจะถูกคุกคาม”
รอยเตอร์ระบุว่า เพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งต้องห้าม มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะกล้าท้าทายกฎหมายหมิ่นที่มีโทษรุนแรง
แต่เวลานี้การออกมาปกป้องสถาบันกลับดึงดูดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ และตามรัฐธรรมนูญแล้วจะต้องเป็นที่เคารพนับถือ
บทความอ้างถึงความเห็นของ ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่มผู้ประท้วง วัย 23 ปี ระบุถึงความเห็นที่มีต่อสถาบันฯของคนในวัยที่แตกต่างไป
รอยเตอร์ กลับไปที่ ฐิติวัฒน์ ที่ระบุว่า ตนก็เหมือนกับชาวไทยในรุ่นราวคราวเดียวกันที่เติบโตขึ้นมากับการดูข่าวในพระราชสำนัก เขาเห็นผู้คนคุกเข่ารอรับเสด็จถือพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะรถพระที่นั่งผ่านไปบนถนน และว่า สถาบันเป็นสิ่งหนึ่งที่เขามีความศรัทธา
และว่า “สำหรับผม สถาบันกษัตริย์ก็เหมือนพระเจ้า”
รอยเตอร์ระบุว่าหลายสิบปีก่อน ฐิติวัฒน์ เคยเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อเหลืองเพื่อโค่นล้มรัฐบาลประชานิยมที่ได้รับการเลือกตั้ง
เขายังเป็นหนึ่งในกลุ่มพสกนิกรหลายพันคนที่สวดมนต์และนอนที่ด้านนอกโรงพยาบาลในช่วงเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชจะเสด็จสู่สวรรคาลัย ก่อนจะใส่ชุดสีดำเพื่อไว้อาลัยเป็นเวลา 1 ปี
รอยเตอร์ระบุว่า หลังจากนั้นประเทศไทยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีการประท้วงที่เริ่มต้นขึ้นในเดินกรกฎาคมต่อต้านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก
กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านกลุ่มอำนาจเก่าพัฒนาไปสู่การเรียกร้องให้จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์ โดยกลุ่มผู้ประท้วงเน้นย้ำว่าต้องการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้างสถาบัน แต่กว่ากลุ่มผู้จงรักภักดีไม่เชื่อ
สำหรับ ฐิติวัฒน์ แล้วข้อกล่าวหาที่มีต่อกษัตริย์นั้นเป็นเรื่องโกหก และสถาบันกษัตริย์นั้นอยู่เหนือการเมือง
ฐิติวัฒน์ รู้สึกโกรธที่เสียงตะโกนในการประท้วงเปลี่ยนจากคำสบถหยาบคายที่มีต่อประยุทธ์ ไปเป็นการจาบจ้วงกษัตริย์ และเขาก็รู้สึกโกรธมากที่เวลานี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง
“มันทำให้ผมอยากจะอาเจียน” ฐิติวัฒน์ ระบุ
รอยเตอร์ลงพื้นที่สัมภาษณ์ในย่านปิ่นเกล้า ย่านที่ร้านอาหารที่ ฐิติวัฒน์ ทำงานอยู่
“คนครึ่งหนึ่งสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งต่อต้าน” เกด เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าวัย 50 ที่สนับสนุนผู้ชุมนุม ระบุ โดยร้านของเธออยู่ห่างจากร้านที่ ฐิติวัฒน์ ทำงานอยู่ไปไม่ไกล
ย้อนกลับไปในวันที่ ฐิติวัฒน์ ยืนถือพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 9 ใกล้กับผู้ประท้วง ฐิติวัฒน์ ระบุว่า ไม่มีการเผชิญหน้าเกิดขึ้น กลุ่มผู้ประท้วงเพียงแค่ยืนชู 3 นิ้วต่อต้าน แต่ในโลกออนไลน์นั้นมันน่าสะอิดสะเอียน และอาจจะแย่กว่า
“ดิฉันกลัวมาก” โบ ระบุ
โบ วัย 33 ปีเจ้าของร้านที่ ฐิติวัฒน์ ทำงานอยู่ ระบุว่า ร้านของเธอถูกลดดาวจาก 4.8 ดาวเหลือ 1 ดาว และถูกถล่มด้วยคอมเมนต์เรียกร้องให้ไล่ ฐิติวัฒน์ ออก
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งคอมเมนต์ระบุว่า “ผิดหวังมากๆ ต้องหาร้านใหม่กินแล้วล่ะ” อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านระบุว่า กลุ่มผู้จงรักภักดีก็มาให้กำลังใจและยอดสั่งซื้อกลับก็เพิ่มขึ้น
แม้กลุ่มผู้จงรักภักดีจะประณามการโจมตีลักษณะดังกล่าว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าพวกตนเจอสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า
“ลองคิดถึงสิ่งที่กลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยต้องเผชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถูกดำเนินคดี ถูกติดตาม คุกคาม ถูกล็อคคอ” ทัตเทพ ระบุ และว่า “มันควรจะมีการพูดคุยกันไม่ใช่การคุกคาม”
รอยเตอร์ระบุว่าความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปของสังคมในประเทศไทยนั้นเป็นสิ่งที่วัดได้ยาก การประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนั้นมีผู้เข้าร่วมมากกว่ากลุ่มผู้จงรักภักดี แต่ผลสำรวจล่าสุดพบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรคิดว่ากลุ่มผู้ประท้วงไม่ควรโจมตีสถาบัน แต่ก็ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลว่าเพราะอะไร
ความเปลี่ยนแปลงนั้นมีความชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนคนที่ลุกขึ้นยืนในเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ หญิงคนหนึ่งที่ตบหน้าเด็กัยรุ่นที่ไม่ยืนเคารพธงชาติที่สถานีรถไฟ ก็ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
รอยเตอร์ระบุว่า ฐิติวัฒน์ กลายมาเป็นวีรบุรุษของกลุ่มคนรักสถาบันเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสชม ฐิติวัฒน์ ที่กำลังคุกเข่าพร้อมกับกลุ่มคนที่รับเสด็จ ที่หน้าพระบรมมหาราชวังในเย็นวันที่ 23 ตุลาคม
ฐิติวัฒน์ ระบุว่าการได้เข้าเฝ้าครั้งนั้นไม่ได้เป็นการจัดตั้ง อย่างที่อีกฝ่ายวิจารณ์ โดยเขาร้องไห้ด้วยความตื้นตันและนอนไม่หลับ ขณะที่วิดีโอถูกแชร์ไปในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง
รอยเตอร์ระบุว่ากลุ่มคนรักสถาบันบางคนพร้อมจะใช้ความรุนแรง แต่ฐิติวัฒน์ ระบุว่า จะไม่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้น
“เด็กๆก็เหมือนครอบครัว” ฐิติวัฒน์ ระบุ “ผมจะพยายามแข็งแกร่งและผ่านความเกลียดชังไปให้ได้”
©2018 CK News. All rights reserved.