เมื่อวันที่ 23 ต.ค.63 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) เปิดเผยผลการแจ้งความดำเนินคดีและจับผู้ต้องหา ในช่วงเหตุการชุมนุม จากวันที่ 13 - 23 ตค. ว่า มีผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดีไป 81 คดี จำนวนผู้ต้องหา 78 คน ซึ่งมี 3 คนที่ถูกดำเนินคดีซ้ำ ส่วนความผิดที่แจ้งความผู้ต้องหา 1.มีความผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวน 46 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 4 คน ถูกดำเนินคดีด้วย 2.ข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวาย (ม.215) จำนวน 21 คน, 3.ข้อหาประทุษร้ายต่อองค์รัชทายาทและพระราชินี (ม.110) จำนวน 3 คน 4.ความผิดฐานยุยงปลุกปั่น (ม.116) จำนวน 10 คน และ 5.ความผิดฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานอีก 1 คน

ในจำนวนผู้ต้องหาเหล่านี้พนักงานสอบสวนส่งตัวผัดฟ้องฝากขังไปแล้ว โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว 70 คน มี 8 คน ที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำ แยกเป็นเรือนจำกลางเชียงใหม่ จำนวน 1 คน คือนายอานนท์ นำภา และ อีก 7 คน ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้งหมดเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม อาทิ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน

ด้าน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.)ยืนยันว่า กรณีดำเนินคดีกับเยาวชน เป็นการดำเนินคดีตามข้อกฎหมายแต่การพิจารณาความผิด บทลงโทษ จะเป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.เด็กเเละเยาวชน ซึ่งเยาวชนผู้ถูกดำเนินคดีจะถูกพิจารณาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีการนัดหมาย ในวันนี้ตั้งแต่เวลา 15.00น. บริเวณด้านหน้าสน.หัวหมากและเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้สั่งการให้ผู้บังคับการนครบาล 4 และ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เข้าไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะมีจำนวนไม่มากและหากมีการประกาศค้างคืนตำรวจก็มีมาตรการในการรองรับ รวมทั้งหากมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากจนตำรวจท้องที่ไม่สามารถดูแลได้ ก็สามารถร้องขอกำลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพิ่มเติมเพื่อไปกำกับดูแลได้

ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ร่วมชุมนุมที่ก่อความวุ่นวายทั้งสองฝ่าย ในพื้นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะนี้ตำรวจได้มีการเรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาให้ปากคำแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุต่อไป พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย