เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อความผาสุกประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ด้วยทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ รวมทั้งทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในส่วนพระองค์ ซึ่งล้วนสร้างสรรค์ความผาสุกสงบแก่ประชาชน นำความเจริญไพบูลย์ และความมั่นคงมาสู่ประเทศตลอดมา

ทั้งนี้พช.มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของประชาชนส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยสนับสนุนเสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชน ผู้นำชุมชน องค์การชุมชน และเครือข่ายองค์การชุมชน ให้มีความรู้ ทักษะ ตลอดจนทัศนคติที่ดีในการดำเนินชีวิตทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และในโอกาสอันเป็นมงคลที่จะส่งเสริมให้ประชาชน ผู้นำชุมชน องค์การชุมชน และเครือข่ายองค์การชุมชน ได้มีส่วนร่วมในการทำความดีด้วยความสมัครใจ จึงได้จัดทำ “โครงการรวมพลังผู้นำ องค์กรเครือข่ายพัฒนาชุมชน บริจาคโลหิตเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563” โดยมีเครือข่ายผู้นำของกรมการพัฒนาชุมชนเข้าร่วมทั่วประเทศ 76 จังหวัดและพช.ส่วนกลางไม่น้อยกว่าจังหวัดละ 169 คน รวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 13,013 คน รวมแล้วจะได้รับการบริจาคโลหิตไม่น้อยกว่า 3,903,900 ซีซี

“โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้นำทำความดี มีจิตสำนึกสาธารณะด้วยความสมัครใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน ทั้งยังช่วยให้มีโลหิตสำรองสำหรับผู้เจ็บป่วยทั่วประเทศของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รวมถึงเป็นการสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่จากการบริจาคโลหิต โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดจะประสานเหล่ากาชาดจังหวัดและโรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในจังหวัด เพื่อกำหนดวันรับบริจาคโลหิตหรือบริจาคอวัยวะในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ จึงขอเชิญชวนผู้นำชุมชน กลุ่ม องค์กร เครือข่ายภาคี และประชาชนทั่วไป ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างในสังกัดพช.ทุกจังหวัดเข้าร่วมตามความสมัครใจครับ” อธิบดี พช.กล่าว