วันที่ 17 พ.ย.2568 ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์เข้ายื่นหลักฐานเส้นทางการเงิน ที่คาดว่ามีส่วนในเครือข่าย นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคกล้าธรรม จังหวัดสงขลา กับพวก ร่วมกันฟอกเงินมากกว่า1,000ล้านบาทและเงินอีกส่วนที่คาดว่า สส.ชนพัฒน์ซุกซ่อนผ่านระบบเงินคริปโต เพื่อขอให้นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาสำนักงาน ปปง. ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์จากพยานหลักฐานที่มอบให้
นายอัจฉริยะ ระบุว่า พยานหลักฐานที่นำมาวันนี้เป็นเส้นทางการเงินที่รวบรวมมาตั้งแต่ ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ที่เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งในเครือข่ายของสส.ชนนพัฒฐ์ รวมมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 15,000 ล้าน โดยเฉพาะคดีของบอสตาลเชื่อมามีเส้นเงินถึง สส.ชนนพัฒฐ์ ประมาณ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกหลายนายที่รับเงินจาก สส.ชนนพัฒฐ์ไป เงินส่วนนี้ถือเป็นนิติสัมพันธ์ที่ต้องเอามาประกอบในกระบวนการอายัดทรัพย์สินของ สำนักงาน ปปง. เช่นเดียวกัน
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตนเองเดินทางมายื่นสำนักงาน ปปง. เพิ่มเติมวันนี้ประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งทางสำนักงาน ปปง. ระบุในที่ประชุมกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ว่าไม่มีข้อมูลส่วนนี้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร (สภ.)สงขลา ได้ส่งพยานหลักฐานและทรัพย์สินให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการเพียง 36 ล้านบาท
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นแล้วการที่ปรากฎข้อมูลทัรย์สินภายหลังว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ไม่ถูกดำเนินการตำรวจ สภ.สงขลาต้องถูกดำเนินคดีด้วย ในฐานะดำเนินคดีไม่ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ตามตนเองไม่โทษใครแต่อยากให้จากนี้สำนักงาน ปปง.ทำงานให้เต็มที่ตามหลักฐานที่ตนได้ยื่นให้เพราะเอกสารชุดนี้ถือว่ามีหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว
รวมทั้งสำนักงาน ปปง. จะต้องตามยึดอายัดทรัพย์สินกับบุคคลที่มีข้อมูลเกี่ยวโยงในการรับทรัพย์สินของนายชนนพัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือตำรวจตำแหน่งใด
©2018 CK News. All rights reserved.