"ชาวบ้านห้วยพระ" ทวงคืนที่ดินสาธารณะ เรียกร้องเพิกถอนโฉนดที่ออกทับที่ทำกินของชาวบ้าน (คลิป)


29 พ.ค. 2562, 16:17

"ชาวบ้านห้วยพระ" ทวงคืนที่ดินสาธารณะ เรียกร้องเพิกถอนโฉนดที่ออกทับที่ทำกินของชาวบ้าน (คลิป)




วันที่ 29 พ.ค. 62 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ชาวบ้านห้วยพระ หมู่ 9 และ หมู่ 14 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ประมาณ 30 คน เดินทางมายังที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน ตามหนังสือ เลขที่ นพ.0418/ว1532 ลงวันที่ 27 พ.ค.62 ถึงนายพันธ์ ชมภูพระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และนายทวี สาเส็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านห้วยพระ ให้เข้าร่วมประชุมชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อว่าผู้ใหญ่บ้านและประชาชนทั้งสองหมู่ แจ้งความดำเนินคดีนายอำเภอท่าอุเทน ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยให้นายทุนออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณประโยชน์

โดยชาวบ้านได้ถือป้ายระบุข้อความคัดค้านการรุกล้ำที่ดินของนายทุน และก่อนจะขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอท่าอุเทน นั้น ทั้งหมดได้ก้มกราบภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกับประกาศไม่ยอมให้นายทุนฮุบที่ดินของพวกตน ซึ่งขณะเดียวกัน ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน เข้าที่ทำงานพอดี จึงมีการพูดคุยกันที่เชิงบันไดทางขึ้น จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นไปยังห้องประชุม โดยห้ามมิให้สื่อมวลชนเข้าฟังการประชุมดังกล่าว ซึ่งในห้องประชุมประกอบด้วย พ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์ ผกก.สภ.ท่าอุเทน นายพงษ์สุวัจน์ ไชยต้นเทือก เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน และนายมานิต มีใหญ่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัด ส่วนชาวบ้านได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมประชุมได้เพียงแค่ 9 คนเท่านั้น

หลังจากใช้เวลาพูดคุยกันเกือบ 2 ชั่วโมง ก็มีการสรุปร่วมกันในเบื้องต้น ว่า จะให้เจ้าหน้าที่ที่ดินดำเนินการรังวัดตรวจสอบเขตที่ดินตามคำร้องของนายทุนผู้ครอบครอง โดยว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน เผยว่าทางนายทุนได้มีหนังสือของรังวัดตรวจสอบแนวที่ดิน จำนวน 16 แปลง เพื่อต้องการทราบจำนวนที่ดินแต่ละแปลงมีจำนวนเท่าไหร่ และมีการรุกล้ำเข้าไปในที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ ซึ่งในพื้นที่หมู่ 9 และหมู่ 14 บ้านห้วยพระ นั้นมีพื้นที่ที่เป็นที่สาธารณะอยู่หลายแปลงเช่นห้วยหลง ห้วยบ่อ และห้วยจ่องล่องเป็นต้น โดยในการออกรังวัดนั้นตนได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชาวบ้านชี้แนวเขตที่ดินสาธารณะ บริเวณตรงไหนถูกต้องก็เซ็นรับรอง หากบริเวณตรงไหนไม่ถูกต้องก็เซ็นชื่อคัดค้าน ตนในฐานะฝ่ายปกครองจึงต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ว่าการเซ็นนั้นไม่ใช่เป็นการเซ็นรับรองโฉนด ซึ่งหากพบว่ามีการรุกล้ำที่สาธารณะจริงและทางเจ้าของโฉนดยอมถอยตนก็จะเสนอให้เพิกถอนในส่วนที่รุกล้ำตามมาตรา 61 ของกฎหมายที่ดิน แต่หากไม่ยอมก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในวันที่ออกรังวัดครั้งต่อไป ตนจะลงพื้นที่พร้อมกับตำรวจ ทหาร ฯลฯ ยืนยันว่าไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด

 



ขณะที่ฝ่ายชาวบ้านยังข้องใจ เพราะที่ดินที่นายทุนครอบครอง นอกจากจะรุกล้ำที่สาธารณะอย่างเห็นได้ชัดเจนแล้ว บางส่วนยังไปทับที่ดินที่ใช้เป็นที่ทำกินของชาวบ้านอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเวลานั้นชาวบ้านมีใบจอง และ น.ส.3 ถือไว้ แต่มีการซิกแซกแอบออกรังวัดขอออกโฉนด โดยที่ชาวบ้านไม่ทราบ และยังปลอมลายเซ็นชื่อเจ้าของที่ข้างเคียงที่อ้างว่าพารังวัด กว่าชาวบ้านจะรู้ว่าที่ดินของตนถูกออกเอกสารทับ ก็ต่อเมื่อ ถูกนายทุนยื่นฟ้องศาลขับไล่ออกจากที่ดิน โดยอ้างว่ามีโฉนดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากนั้นชาวบ้านได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน กรณีปลอมลายเซ็น แต่คดีไม่คืบหน้าถึงทุกวันนี้

กลุ่มชาวบ้านจึงต้องการให้เจ้าหน้าที่หลังออกรังวัดแล้ว หากพบว่านายทุนรุกล้ำที่ดินสาธารณะจริงแล้ว มิใช่เพิกถอนเฉพาะที่ดินสาธารณะเท่านั้น แต่ต้องยกเลิกโฉนดดังกล่าวทั้งฉบับ และขอให้รื้อต้นขั้วเดิมที่นายทุนอ้างเอกสาร น.ส.3 ที่นำมาขอออกโฉนดมีเนื้อที่เท่าไหร่ พอออกโฉนดแล้วมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้ไปทับที่ทำกินของชาวบ้านและรวมไปถึงที่สาธารณะ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรทำไมถึงออกทับไปในที่สาธารณะ ที่เป็นพื้นที่ทีมีลักษณะต้องห้ามไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้เช่นห้วย หนอง คลอง บึง เป็นต้น แต่ฝ่ายปกครองอ้างทำไม่ได้ เพราะนายทุนถือโฉนดที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะย้อนกลับไปเรื่อง น.ส.3 เดิม ไม่ได้อีก เพราะถูกยกเลิกไปแล้ว แม้ขึ้นศาลชาวบ้านก็แพ้ ฝ่ายปกครองทำได้แค่ทวงคืนที่ดินสาธารณประโยชน์เท่านั้น ส่วนการออกเอกสารทับที่ของชาวบ้านนั้น ชาวบ้านต้องหาหลักฐานไปฟ้องร้องกันเอง

 












©2018 CK News. All rights reserved.