วันที่ 14 มี.ค.2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 68 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ต่อเนื่องเป็นวันที่สาม
เมื่อวันพุธที่ 12 มีนาคม 2568 เลขาธิการ ป.ป.ส. ลปส. ได้พบหารือกับ มิสเฉิน ยี หัว รองเลขาธิการคณะกรรมาธิการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ หัวหน้าคณะผู้แทนจีน และ พันตำรวจโท ดาลิน สุดาจัน หัวหน้าคณะผู้แทนลาว รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด โดยเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประเทศไทยประสบปัญหามีการลักลอบนำยาบ้าเข้ามาในประเทศทำให้มีผู้เสพผู้ติดจำนวนมากจนกลายเป็นปัญหาหลักของประเทศ ในขณะที่ไอซ์และเฮโรอีนจะถูกลักลอบส่งผ่านไปยังประเทศที่สาม จึงมีความจำเป็นที่ทั้งสามประเทศ ได้แก่ ไทย จีนและลาว ต้องร่วมกันยกระดับการสกัดกั้นยาเสพติดบริเวณชายแดน พร้อมขอบคุณบทบาทนำของจีนในการแก้ไขปัญหาในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ทั้งการเป็นเจ้าภาพปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยเมื่อปีที่ผ่านมา การเพิ่มเงินสนับสนุนการดำเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong MoU) และจัดตั้งคณะทำงาน 3 คณะ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดสังเคราะห์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และขอความร่วมมือจากจีนในการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์สารตั้งต้นซึ่งใช้ในการผลิตยาบ้าในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ อีกทั้งยังขอบคุณความร่วมมือเป็นอย่างดีของลาวในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดต่าง ๆ ที่ผ่านมายังไทย และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดในอนุภูมิภาคและพื้นที่ลาว ทั้งนี้ ฝ่ายจีนรับที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทวิภาคีไทย-จีน โดยเร็วที่สุดต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. ตามเวลากรุงเวียนนา เลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้มอบให้ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้าร่วมการลงมติเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมสารตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ทั้ง 3 ฉบับ โดยที่ประชุมมีมติควบคุมสาร จำนวน 6 รายการ ภายใต้อนุสัญญาฯ ค.ศ. 1961 และ ค.ศ. 1971 นอกจากนี้ นายมณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเร่งดำเนินการควบคุมสารที่มีการเปลี่ยนแปลงขอบเขตการควบคุมใหม่ของอนุสัญญาฯ เพื่อกำกับควบคุมกฎหมายภายในประเทศให้ทันต่อสถานการณ์ และดำเนินงานเชิงรุกในการประสานไปยังหน่วยงานตรวจวิเคราะห์สารเพื่อรวบรวมข้อมูลสารเสพติดชนิดใหม่ที่ตรวจพบหรือข้อมูลการระบาด เพื่อนำมาใช้ประกอบการประกาศควบคุมสารเสพติดใหม่ รวมถึงผลักดันนโยบายให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีสารวัตถุเสพติดเป็นส่วนประกอบและแก้ไขกฎหมายส่งเสริมผู้ผลิตในประเทศ เพื่อให้มีการผลิตยาที่จำเป็นต่อผู้ป่วยและบริหารจัดการยาสำรองในกรณีฉุกเฉินภายในประเทศให้มีความพร้อมใช้
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้มอบหมายให้ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. หารือทวิภาคีกับ พลตำรวจตรี ยู แจ ซอง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ (Korean National Police Agency: KNPA) โดยประเทศไทยยินดีสืบสวนขยายผลและเร่งดำเนินการส่งกลับผู้กระทำความผิดกฎหมายสัญชาติเกาหลีใต้ให้แก่ฝ่ายเกาหลีตามที่ร้องขอโดยเร็ว และฝ่ายเกาหลีได้กล่าวชื่นชมประเทศไทยที่มีบทบาทนำในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำรวมถึงสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอาเซียน ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด โดยพร้อมให้การสนับสนุนประเทศไทยในทุกด้านต่อไป รวมถึงการสนับสนุนร่างข้อมติด้านการส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัยตัวยารักษาหรือทดแทนยาบ้าและร่างข้อมติด้านการพัฒนาทางเลือก ตามข้อริเริ่มของประเทศไทยในการประชุมคณะกรรมาธิการ CND สมัยที่ 68 ด้วย
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เลขาธิการ ป.ป.ส. มอบหมายให้นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด กล่าวถ้อยแถลงในวาระการติดตามผลการดำเนินงานในระดับชาติ ภูมิภาค และระหว่างประเทศ ตามพันธกรณีที่ปรากฏในปฏิญญารัฐมนตรี ค.ศ. 2019 โดยเน้นย้ำบทบาทของไทยในการแก้ไขปัญหาการทะลักเข้ามาของยาบ้าจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคมไทยโดยรวม นอกจากนี้ โดยที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศผู้ผลิตยาเสพติด แต่ถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านในการลักลอบลำเลียงยาไอซ์และเฮโรอีนไปยังประเทศที่สาม จึงได้เน้นย้ำความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดสังเคราะห์จากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยประเทศไทยยังคงให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดตลอดพื้นที่ชายแดน เพื่อสกัดกั้นและยังยั้งการลักลอบลำเลียงยาเสพติด สารเคมีและสารตั้งต้นเข้ามาในประเทศ และผ่านประเทศไทยไปยังประเทศที่สามและภูมิภาคอื่น ๆ