วันที่ 13 มีนาคม 2568 นางสาว จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ. ภญ.สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียน นายฐิตินันท์ สิงหา รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ ตรวจยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง
นางสาวจิราพร กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ปราบปรามแก้ไขปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน ได้ปูพรหมกวาดล้างการสกัดกั้นการนำเข้า และการปราบปรามร้านค้ารายใหญ่ หากมีการจับกุมรายย่อยก็จะขยายผลเพื่อจับกุมรายใหญ่ต่อไป ห้วงระยะเวลาที่มีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้จับกุมขยายผลอย่างเข้มข้น วันนี้เป็นการแถลงผลการจับกุม 3 ราย ซึ่งมีเรื่องใหม่ของการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพบว่ามีการผลิต Pod K รายแรกในประเทศไทย เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับทางรัฐบาลที่จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้นไม่ให้ขยายวงกว้างไปถึงเด็กและเยาวชน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2568 มีสถิติจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ 1,078 คดี ของกลางกว่า 9 แสนชิ้น มูลค่า 118 ล้านบาท ทั้งนี้ยังพบว่าสถิติจำนวนการจับกุมในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบเท่ากับผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในรอบปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้น
นางสาวจิราพร กล่าวว่า การสั่งกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ คาดหวังว่าภายในระยะเวลา 30 วันจะเห็นผลที่ดีขึ้น ส่วนการปราบปรามยืนยันว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการโดยจะเน้นเรื่องการป้องกันลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งหากจับได้และพบว่ามีการลักลอบนำเข้าก็จะส่งให้กับตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีโดยไม่มีการยอมความ และส่งให้ปปง. ตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินต่อไป
ทั้งนี้รัฐบาลได้มีการเน้นย้ำในการดูแลในเรื่องของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งร้านค้าออนไลน์จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการปิดกั้นเว็บและส่งข้อมูลเพื่อขยายผลต่อจากผู้ขายจนไปถึงแหล่งที่จะขายทั้งหมด ทุกรายที่นำเข้าทั้งแก๊สหัวเราะ และบุหรี่ไฟฟ้าจะกวาดล้างไม่สนว่าเป็นรายใหญ่หรือรายเล็ก จะขยายผลต่อเพื่อให้เกิดผลภายใน 30 วันตามที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังและเป็นการปกป้องลูกหลานเยาวชนไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย
พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยประชาชน ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันและปราบปราม การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม ยังเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายอยู่ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ทางตำรวจจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้ตรวจค้นขยายผลถึงสถานที่จัดเก็บ แหล่งกระจายสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้กับร้านค้าและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า รายแรกตำรวจได้บุกทลายแหล่งผลิต Pod K ขายยามัจจุราชพันธุ์ใหม่ โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ตำรวจบก.ปคบ. จับกุมนายกันชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ได้บริเวณคอนโดย่าน ถ.รัชดา-รามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย หัว Pod K บรรจุน้ำยา 45 ชิ้น, หัว Pod K รอบรรจุน้ำยา 470 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 2 ชิ้น, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 9 ชิ้น และเครื่องพิมพ์ฉลากสินค้าแบบพกพา 2 ชิ้น รวมของกลาง 528 ชิ้น มูลค่า 1,133,000 บาท
คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวผู้มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ กลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อว่า “PARTY๗๗๗” ซึ่งมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่าย หัวพอตเค มีการส่งข้อความโฆษณา โดยให้สั่งซื้อสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางดังกล่าว มีสมาชิก 2,322 คน ผู้ติดตาม 420 คน เปิดขายหัวพอตเค พร้อมบริการส่งให้ลูกค้าทางขนส่งเอกชน ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ร้านนี้มีการสต็อกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่คอนโดย่านคันนายาว
จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี และจับกุมนายกันชัยได้พร้อมของกลาง นายกันชัยรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้านขาย Pod K จัดจำหน่ายช่องทางออนไลน์และแพ็คสินค้าจัดส่งตามออเดอร์ ทำมาได้แล้วประมาณ 4 เดือน จึงจับกุมพร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ขอลงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนในคดีนี้ เพราะมีการกระทำผิดเป็นขบวนการยังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายรายทั้ง ผู้ลักลอบนำเข้า ผู้ผลิต รวมไปถึงนายทุน ที่จะต้องสืบสวนขยายผลต่อไป โดยคดีนี้แหล่งที่มาของบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้วิธีลักลอบนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มนี้ได้ผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นเองในไทย โดยใช้สารเอโทมีเดท (Etomidate) เป็นสารตั้งต้น ซึ่งสารนี้เป็นส่วนผสมของยาสลบ โดยจะขายให้กลุ่มวัยรุ่น และชาวต่างชาติในราคา 2,200-4,000 บาท
ขายได้ต่อวัน 10-50 ชิ้น มีรายได้ตั้งแต่ 20,000-100,000 บาทต่อวัน
ภญ.อรัญญา กล่าวว่า สำหรับสารเอโทมีเดท (Etomidate) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้เป็นยาที่ใช้ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสลบ ซึ่งฤทธิ์ของตัวยาจะช่วยสงบประสาทและระงับความรู้สึก หากมีการเสพและนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่เสพอาจเกิดภาวะมือสั่น หรือร่างกายสั่น ไม่สามารถทรงตัวได้ โดยรวมจะมีผลเสียหายต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดการหยุดหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มของยาเอโทมีเดทเป็นยาควบคุมพิเศษ การสั่งจ่ายจะต้องสั่งจ่ายผ่านสถานพยาบาลเท่านั้นโดยแพทย์ และหากเภสัชกรจะจ่ายยาตัวนี้ได้จะต้องมีใบสั่งแพทย์ ปัจจุบันยังไม่พบการรั่วไหลจากระบบสถานพยาบาล การจับกุมครั้งนี้เป็นการลักลอบนำเข้าและลักลอบผลิต ซึ่งเป็นการผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา
พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า รายที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจบก.ปคบ. จับกุมน.ส.ชญานิษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดย ประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตาม มาตรา 242, มาตรา 246 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 40,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนพบเพจเฟซบุ๊ก relx M&M Thailand ทราบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงล่อซื้อจนทราบว่ามีการจัดส่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาจากบ้านพักย่านทาว์นอินทาว์น เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และย้ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาเก็บไว้ยังคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นพบน.ส.ชญานิษฐ์ แสดงตนเป็นผู้ครอบครองสถานที่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีนายทุนต่างชาติจ้างให้ดูแลสินค้าและจัดจำหน่ายโดยให้ค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า รายที่ 3 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. บุกค้น 9 จุด สกัดแก๊สหัวเราะก่อนถึงผู้บริโภค ยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ กว่า 40,000 หลอด พร้อมลูกโป่ง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. ตรวจค้นจับกุมดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะในพื้นที่ถนนข้าวสาร จึงได้สืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มา สถานที่กักเก็บ จุดกระจายสินค้า รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ ต่อมาได้หมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และพื้นที่ กทม. ได้แก่ เขตจตุจักร เขตบางบอน เขตวัฒนา เขตสวนหลวง เขตวังทองหลาง เขตสาทร และเขต คลองเตย
พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นได้ยึดของกลาง จำนวน 46,246 ชิ้น มูลค่า 3,111,500 บาท ได้แก่ หลอดบรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 40,975 หลอด, ลูกโป่งสำหรับใช้บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 3,698 ลูก และกระบอกสำหรับใช้อัดแก๊ส 1,591 กระบอก
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และกรณีหากนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุลูกโป่งจำหน่ายจะเป็นความผิดฐานผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาทตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510
ภญ.สุภาวดี กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกัน เพื่อป้องปรามและตรวจสอบการนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงขอเตือนประชาชนที่ซื้อแก๊สไนตรัสออกไซด์ทั้งที่เป็นถัง 3.3 ลิตร เป็นกระเปาะมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใส่ลูกโป่งเพื่อสูดดมให้รู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มอาจส่งผลอันตรายถึงตายได้ เนื่องจากแก๊สที่บรรจุในลูกโป่งคือแก๊สไนตรัสออกไซด์ หากสูดดมเข้าไปมาก แก๊สจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในปอดและในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบหายใจหรือประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ อาจทำให้หกล้มได้รับบาดเจ็บ และหมดสติ หากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานานจะทำให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม มึน ชา กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย เหน็บชา บริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า รับความรู้สึกไม่ได้ เนื่องจากภาวะขาดวิตามินบี 12 ร้ายแรงสุดอาจเสียชีวิตได้ และทาง อย. เคยจับกุมผู้ขายลูกโป่งแก๊สหัวเราะและออกข่าวเตือนผู้บริโภคไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเตือนให้ผู้ที่นำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุแล้วขายให้กับประชาชนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510
ภายหลังจากการแถลงข่าว ขณะที่รัฐมนตรี“น้ำ จิราพร ”จะเดินทางกลับพบว่ามีบรรดาวัยรุ่นเหล่า FC ที่ติดตามเดินทางมาจากงานก่อนได้มาตั้งแถวขอถ่ายรูปและมอบดอกไม้เป็นกำลังในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไปด้วย โดยรัฐมนตรีน้ำได้ถ่ายรูปคู่กับเหล่า FC ทุกคนจนเป็นที่พอใจก่อนเดินทางกลับ
©2018 CK News. All rights reserved.