วันที่ 13 มี.ค.2568 บริเวณริมฟุตบาทหน้าแดนเนรมิต นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ อดีต สห.ทอ. พา นายเฉลย อ้วนพลี อายุ 56 ปี อาชีพค้าขาย และนางสายพิน สุภาผล อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย เจ้าของร้านชำ “บ้านอ้วนพลี”  เลขที่ 5/12 ม.3 ต.ชายนา อ.เสนา พระนครศรีอยุธยา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บช.ก. หลังถูกน้องเขยที่เป็นตำรวจตามราวี ข่มเหง ปมถมที่ดินพ่อ

นายเฉลย เปิดเผยว่า เหตุเกิดจากพ่อของตนมีที่ดินที่จ.อยุธยา 1 ไร่ และทำการแบ่งให้ตนคนละครึ่งกับน้องสาว หลังจากนั้นทางด้านสามีของน้องสาว ซึ่งเป็นน้องเขยก็เรียกร้องเงินจากฝ่ายตนเป็นจำนวน 50,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าถมที่ดิน แต่เนื่องจากว่าโฉนดที่ดินยังเป็นของพ่ออยู่ ตนจึงมองว่าหากจะต้องจ่ายต้องจ่ายให้พ่อ แต่เมื่อตนถามพ่อแล้ว พ่อไม่ต้องการ

จากนั้นน้องเขยของตนซึ่งเป็นตำรวจยศ ร.ต.ต.อยู่สภ.มารวิชัย กับลูกสาว ก็มาก่อกวนครอบครัวของตน มีทั้งตะโกนด่าทอหยาบคาย ข่มขู่ และลูกของน้องเขยก็ถึงขั้นมาทำร้ายร่างกายภรรยา ปาหินใส่ ถีบที่ขาและจิกหัวภรรยา เมื่อตนและภรรยาไปลงบันทึกประจำวันรวมถึงแจ้งความคดีทำร้ายร่างกายกลับไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทาง ผกก.สภ.มารวิชัย ก็เคยเรียกคู่กรณีไปตักเตือนห้ามปรามแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล จนล่าสุดในวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา ลูกสาวของน้องก็ยังมาทำร้ายร่างกายอยู่

โดยบ้านของตนกับน้องสาวอยู่ในที่ดินผืนเดียวกัน เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาได้มีการกั้นรั้วแบ่งอาณาเขต เพื่อที่จะไม่ต้องการเผชิญหน้ากัน แต่ยังมีประตูทางเข้าออกรู้ว่าที่ยังต้องใช้ทางเข้าออกเดียวกัน

ซึ่งครอบครัวของตนถูกกระทำมาเป็นเวลา 3 ปี ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการพูดคุยทั้งกับตัวน้องสาวก็ไม่เป็นผล ทำให้ตนและภรรยาเครียดจนถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย ในวันนี้ตนจึงเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีเป็นตำรวจและยังข่มเหงทำให้ตนหวั่นว่าจะเกิดความรุนแรงและสูญเสียขึ้น

ขณะที่ จ่าคิงส์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายไปพบกับพนักงานสอบสวน บช.ก. เพื่อที่จะร้องขอความเป็นธรรม และให้คุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้เสียหายกลัวว่าจะอาศัยอยู่ที่บ้านแบบไม่ปลอดภัย ต้องคอยหวาดระแวง พร้อมฝากถึง ผบช.ภ.1 ให้ช่วยลงมากำกับดูแล และกำชับผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่มาสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน