สืบนครบาล  รวบ 2 บิ๊กบอสชาวจีน แก๊งคอลฯกลางกรุง ยึดทรัพย์ 15 ล้าน


6 ก.พ. 2568, 12:33

สืบนครบาล  รวบ 2 บิ๊กบอสชาวจีน แก๊งคอลฯกลางกรุง ยึดทรัพย์ 15 ล้าน




วันที่ 6 ก.พ.2568 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนครบาล ได้เข้าจับกุม 2 บิ๊กบอสชาวจีน หัวหน้าแก็งคอลเซ็นเตอร์ ได้ภายในบ้านแห่งหนึ่ง ภายในหมู่บ้านหรู ภายในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทร์เกษม  กรุงเทพฯ พบมีพฤติการณ์ใช้กลโกงโดยการสร้างเพจปลอมเป็นหน่วยงานราชการพร้อมคีย์เวิร์ด “ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน” และยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลด์ เพื่อหลอกลวงเหยื่อที่เคยถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถยึดทรัพย์กว่า 15 ล้านบาท ได้แก่ รถหรูราคา เงินสด นาฬิกาหรู ซิกา โทรศัพท์ สร้อยคอทองคำ และสินค้าแบรนด์เนมอีกจำนวนมาก

การจับกุมครั้งนี้ พลตำรวจโท สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พลตำรวจตรี วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รักษาราชการรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และรองหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล ชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศอปส.ตร.) พร้อมด้วยตำรวจสืบนครบาล ได้มาตรวจสอบด้วยตนเอง

พลตำรวจโท สยาม เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ว่าถูกหลอกลวงผ่าน เพจ Facebook อ้างว่าให้ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงมาแจ้งความร้องทุกข์ผ่านลิงก์ในเพจ Facebook ได้ โดยผู้เสียหายถูกหลอกไปมากกว่าล้านกว่าบาท

ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก และสืบสวนนครบาลทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสามารถไปสอบปากคำพยานปากสำคัญที่บริเวณชายแดนได้หลายปาก ซึ่งพยานทั้งหมดได้ยืนยันตัวว่า มีตัวการใหญ่คือ 2 ผู้ต้องหาชาวจีนที่สามารถจับกุมได้ในวันนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออำนาจศาลออกหมายจับชาวจีนทั้ง 2 ราย คือ นายลี และ นายยี ในข้อหาเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้

โดยทั้งสองมีเป็นหัวหน้าผู้สั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก (ปอยเปต) เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจ Facebook ปลอมอ้างว่าเป็นหน่วยงานราชการในไทย เพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากรอกข้อมูลแจ้งความร้องทุกข์ โดยได้นำรูปนายตำรวจระดับสูงมาแอบอ้างเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แล้วหลังจากนั้น กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็จะโทรหาผู้เสียหายทำทีอ้างว่าจะให้การช่วยเหลือ ก่อนที่จะหลอกเงินผู้เสียหายซ้ำเติมเสมือนเป็นการกระทืบเหยื่อซ้ำ โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสั่งการงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วจะข้ามกลับมาที่ประเทศไทย โดยจะมากบดานเช่าบ้านภายในซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น safe house ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีราคามูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอาศัยเดือนละ 100,000 บาท

จนกระทั่งในวันนี้ ตำรวจได้สามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งภายในซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร สามารถตรวจยึดอายัดของกลางเป็นเงินสดทั้งสกุลไทยและต่างประเทศ มูลค่ากว่า 4 แสนบาท, สินค้าแบรนด์เนมรวมมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท, รถยนต์ mercedes benz รุ่น s580e มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท และโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง

นอกจากนี้ยังพบว่า ในโทรศัพท์มือถือนั้น มีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM box และซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใด ๆ กับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก อันเป็นท้องที่ที่มีการแจ้งความของผู้เสียหายต่อไป รวมทั้งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะขยายผลในเรื่องของการฟอกเงินและตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาชาวจีน 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการ Call Center ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 กว่าชั้นในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก

ส่วนทรัพย์สินที่ทางตำรวจตรวจอายัดได้ หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์สินเพื่อเยียวยาคืนแก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมาย และที่สำคัญ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ทุกสถานีตำรวจในท้องที่ไม่ว่าจะเป็นนครบาลหรือภูธร ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการกระทำความผิดกฎด้านกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนท้องที่นครบาลได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจขยายผลทุกคดีที่มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบพฤติการณ์ของชาวจีนหรือชาวต่างชาติรายใดที่ใช้ชีวิตหรูอยู่สบายหรือหรือเข้าข่ายว่าจะประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางตำรวจได้ทุกท้องที่และเน้นย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อเพจแจ้งความออนไลน์ที่อ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ โดยเฉพาะหลายเพจที่มักจะนำภาพของผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาเพื่อชวนเชื่อ โปรดอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ให้แจ้งความกับทางตำรวจที่สถานีตำรวจหรือช่องทางของตำรวจโดยตรงเท่านั้น อีกทั้งบรรดาผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเข้ามอบตัวและให้ข้อมูลกับทางตำรวจ เพื่อขยายผลกวาดล้างแก๊งค์ Call Center ให้หมดไปจากประเทศไป





คำที่เกี่ยวข้อง : #สืบนครบาล  









©2018 CK News. All rights reserved.