วันที่ 20 ม.ค. 2568 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พล.ร.ท.ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล รองเสนาธิการทหารเรือ กองทัพเรือ, นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดี กรมศุลกากร, พลตำรวจตรี อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามสารเสพติด, พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้างผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร กองทัพบก และน.อ.วิสูตร งิ้วแหลม รองผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง กองทัพอากาศแถลงผลการจับกุมสำคัญ 2 คดี ดังนี้
คดีที่ 1 วันที่ 13 มกราคม 2568 ปฏิบัติการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดรายสำคัญตามประกาศสืบจับ ยึดทรัพย์20 ล้านบาท จับกุม นายพงษ์ศักดิ์ รื่นเพชร ผู้ต้องหาคดียาเสพติด (ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.665/2567) ซึ่งเป็นนักค้ายาเสพติดระดับผู้สั่งการ มีบทบาทเป็น ผู้ประสานงาน ควบคุมการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เหตุเกิดที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย (ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย) ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ ขยายผลปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักอาศัย, กิจการคาเฟ่ร้านอาหาร รวม 4 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด (จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.อ่างทอง จ.ตาก) ตรวจยึดทรัพย์สิน อาทิเช่น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง กิจการคาเฟ่ร้านอาหาร รถยนต์ ทองรูปพรรณ บัญชีธนาคาร ฯลฯ รวมมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่อง สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนข้อมูลทางการข่าวพบว่า นายพงษ์ศักดิ์ฯ มีพฤติการณ์เป็นผู้สั่งการ ผู้ประสานงาน ควบคุมการลำเลียงยาเสพติด ในหลายพื้นที่ จึงตรวจสอบข้อมูลพฤติการณ์กระทั่งพบว่า นายพงษ์ศักดิ์ฯ เป็นผู้สั่งการและควบคุมการลำเลียงยาเสพติด ในคดีวันที่ 30 ตุลาคม 2564 สภ.เวียงหมอก จับกุมผู้ต้องหา พร้อมยาบ้า 600,000 เม็ด ไอซ์ 41 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ลำปาง (โดยยาเสพติดดังกล่าวถูกลำเลียงจากพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมนำส่งปลายทาง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี) ตนจึงสั่งการไปยัง นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายชุดปฏิบัติการ สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้สั่งการ รวมถึงสืบหาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับนายพงษ์ศักดิ์ฯ (หมายจับศาลอาญา ที่ จ.665/2567) กระทั่งวันที่ 13 มกราคม 2568
สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนพบว่า นายพงษ์ศักดิ์ฯ (บุคคลตามหมายจับ) เตรียมเดินทางที่จะหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านผ่านพรมแดนในพื้นที่ภาคเหนือ เจ้าหน้าที่จึงเร่งนำกำลังไปสกัดจับกุมในทันที บริเวณ อ.เชียงของ จ.เชียงราย (ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชียงของ-ห้วยทราย) พร้อมรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะสำหรับเตรียมหลบหนี จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลยึดทรัพย์สิน โดยพบว่ามีการนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปลงทุนในกิจการร้านกาแฟ ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และแปลงเป็นทรัพย์สินอื่น ๆ โดยให้บุคคลในครอบครัวถือครองทรัพย์สินแทน เพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ สำนักงาน ป.ป.ส. จึงบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจ และทหาร ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น 4 จุดปฏิบัติการ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.อ่างทอง จ.ตาก ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
คดีที่ 2 วันที่ 17 มกราคม 2568 ปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., ชปพ.ศอ.ปส.ทร., ขว.ทร., สห.ทอ., ขกท.ทบ., สห.ทท., ทัพเรือภาคที่ 1 , กร. (กองเรือยุทธการ), บก.ปส.1 บช.ปส. และ ศุลกากร จับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมไอซ์น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.65 ตัน อยู่ในม้วนฝ้าย (33 ม้วน) เหตุเกิดที่โกดัง ในพื้นที่แขวงบางประกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม.
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2567 กองทัพเรือ (โดย ชปพ.ศอ.ปส.ทร.) ประสานข้อมูลการข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายลำเลียงไอซ์ข้ามชาติ มายัง สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ตนจึงมอบหมายให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สั่งการชุดปฏิบัติการ บูรณาการความร่วมมือร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมาย (ทหาร, ตำรวจ) ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยใช้ระยะเวลาร่วม 1 เดือน จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทม้วนฝ้ายที่ซุกซ่อนไอซ์ จากอินเดีย จำนวนกว่า 100 ม้วน (ยาเสพติดดังกล่าวมีต้นทางมาจากทวีปแอฟริกา) ซึ่งเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวมีการประสานงานกันเชื่อมโยงกันหลายภูมิภาค ใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่านเพื่อเตรียมลำเลียงต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ชุดปฏิบัติการจึงดำเนินการสืบสวน กระทั่งพบโกดังต้องสงสัย ในพื้นที่แขวงบางประกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ที่คาดว่าใช้ในการซุกซ่อนยาเสพติด จึงเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง กระทั่งพบกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่าทำหน้าที่เฝ้าโกดังมีท่าทีพิรุธ ชุดปฏิบัติการจึงนำกำลังเข้าทำการตรวจค้น พบ ม้วนใยฝ้าย 140 ม้วน จากการตรวจสอบพบว่ามีจำนวน 33 ม้วน ที่มีไอซ์ลักษณะเป็นเกร็ดปะปนอยู่ รวมถึงปนอยู่ในเนื้อฝ้าย จึงจับกุมชายที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดัง และเป็นนอมินีเปิดบริษัทนำเข้า – ส่งออก จำนวน 4 คน จากนั้นขยายผลการสอบสวนทราบว่า ผู้สั่งการเป็นหญิงไทยอายุประมาณ 30 ปี มีบทบาท เป็นผู้ว่าจ้างเปิดบริษัทอำพราง และเป็นผู้เช่าโกดังเก็บพักยาเสพติด รวมถึงประสานงานกับเครือข่ายในต่างประเทศ ชุดปฏิบัติจึงเร่งสืบสวนติดตามหาตัว กระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ที่ศูนย์การประชุม ในพื้นที่เขตคลองเตย กทม. จากนั้นนำตัวมาขยายผลสอบสวนที่โกดังที่พบยาเสพติดของกลาง และขยายผลตรวจค้นอีก 3 จุด ในพื้นที่ กทม.
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า นอกจากมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามพื้นที่แนวชายแดนแล้ว สำนักงาน ป.ป.ส. ยังมีมาตรการขยายผลการสืบสวนเพื่อติดตามหาทรัพย์สิน และผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดทั้งหมดมาดำเนินคดีไปควบคู่กัน โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดอย่างเป็นระบบ และยิ่งในปัจจุบันปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค การบูรณาการทางการข่าวระหว่างหน่วยงานภายในประเทศ และ หน่วยงานระหว่างประเทศจึงเป็น สิ่งสำคัญและจำเป็นมากในปัจจุบัน ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายการค้ายาเสพติด ร่วมกับ หน่วยงานภาคีภายในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ จนนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม
©2018 CK News. All rights reserved.