สตม.แถลงจับ 4 คดี รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลฯยากูซ่าญี่ปุ่น


14 ม.ค. 2568, 14:13

สตม.แถลงจับ 4 คดี รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลฯยากูซ่าญี่ปุ่น




วันที่ 14 ม.ค.2568 ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง
รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช./ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดม
จับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,
พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง
รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) หัวหน้ากลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม. รวบรองหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยากูซ่าญี่ปุ่นสืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย กรณีมีกลุ่มคนร้ายลักลอบจัดตั้งสำนักงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวญี่ปุ่น เป้าหมายเป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในประเทศ
ญี่ปุ่น โดยหลอกลวงว่าจะได้รับเงินประกันสุขภาพคืน โดยมีรูปแบบการหลอกลวงว่า “เป็นการขอคืนเงินค่ารักษาพยาบาล โดยใช้โทรศัพท์หลอกลวงผู้สูงอายุในญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2567
 

เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ได้ทำการเข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลัง ในพื้นที่เมืองพัทยา จว.ชลบุรี และจับกุมผู้กระทำความผิดเป็นชายชาวญี่ปุ่น จำนวน 5 คน และยังมีอีก 3 ราย ที่ยังไม่ถูกจับกุม ผบก.สส.สตม. จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรคนต่างด้าวทั้ง 8 คน และขึ้นบัญชีเป็นบุคคลเฝ้าระวัง (Watch List)
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2568 เวลาประมาณ 22.30 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่งานตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ว่าได้ตรวจพบ นาย YU HAMAJI (นามสมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คน ที่ยังไม่ถูกจับกุมและถูกขึ้นบัญชีบุคคลเฝ้าระวังไว้ จะเดินทางออกจากปประเทศไทย เจ้าหน้าที่
บก.สส.สตม. จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ควบคุมตัวนาย YU HAMAJI
เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ นาย YU HAMAJI เป็นรองหัวหน้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่บริหารจัดการต่าง ๆ ภายในแก๊งและรับคำสั่งจากหัวหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม

2. สืบ ตม. รวบหนุ่มแดนโสมหลังมั่วสุมปาร์ตี้ยาฯ ไฮโซ บนโรงแรมหรูย่านทองหล่อ
กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุมนายโจวอน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1379/2567 ลงวันที่ 31 ธ.ค.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน, เมทิลลีนไอออกซีเมทแอมเฟตามีนหรือยาอี, พาราเมทอกซีเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และ
สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรง
เกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมคอนโดมีเนียมในพื้นที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดล้อมตรวจค้นงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติด ภายใน
โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่อ ซึ่งเบื้องต้นพบเป็น "กลุ่มนักท่องเที่ยวเพศชาย หนุ่มหล่อกล้ามโต" ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
เข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 124 คน พร้อมกับของกลางเป็นสารเสพติดในบริเวณงานปาร์ตี้ ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออก
หมายจับนายโจวอน (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี ในข้อหา ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2568 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.ปอพ.บก.สส.สตม. สืบทราบว่า นายโจวอน ได้หลบหนีมาพักอาศัยกับเพื่อนที่คอนโดย่านแขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จึงได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.50 น. ของวันที่ 13 ม.ค.2568 ได้พบคนต่างด้าวซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับ นายโจวอน
จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางปรากฎว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับ โดยนายโจวอนให้การยอมรับว่าเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2567 ได้เข้าร่วมงานปาร์ตี้มั่วสุมยาเสพติดภายในโรงแรมหรูจริง จึงได้จับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

3. สืบ ตม. รวบชายชาวไนจีเรียนลักลอบขายคีตามีนในย่านนานากก.1 บก.สส.สตม. จับกุม นายเคนเนดี้ (นามสมมติ) อายุ 38 ปี สัญชาติไนจีเรียน พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (คีตามีน) จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษ
ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวขยายผล บก.ปส.4 บช.ปส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในร้านสินค้าในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
 

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชายชาวต่างชาติผิวสีลักลอบจำหน่ายยาเสพติด
ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในย่านนานา แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงทำการสืบสวนติดตาม
ดูพฤติการณ์มากว่า 3 เดือน จนชัดเจน จึงได้วางแผนจับกุม โดยให้สายลับติดต่อขอซื้อยาเสพติด จำนวน 30 กรัมในราคา 60,000 บาท (กรัมละ 2,000 บาท) โดยนัดหมายส่งมอบภายในร้านสินค้า ในซอยสุขุมวิท 5 แขวงคลองเตยเหนือเขตวัฒนา กรุงเทพฯ โดยวางแผนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เข้าไปแฝงกายปะปนกับผู้มาซื้อสิ้นค้าภายในร้านเพื่อเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวของสายลับและนายเคนเนดี้ จนกระทั่ง นายเคเนดี้ ได้มาพบกับสายลับตามนัดหมาย
จากนั้นได้ส่งมอบยาเสพติดตามที่ตกลงซื้อขายกันให้กับสายลับ สายลับจึงได้ส่งสัญญานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในพลาสติกใส ห่อหุ้มด้วยเทปกาวพลาสติกสีดำจำนวน 30 ก้อน น้ำหนักชั่งรวมสิ่งห่อหุ้ม 50 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกล่องยาสีฟัน และทำการตรวจค้นตัวนายเคนเนดี้พบเงินสดที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในมือซ้าย ต่อมาได้ตรวจค้นห้องพักของนายเคนเนดี้ พบซองพลาสติก และเทปพันสายไฟสีดำ
เช่นเดี๋ยวกับที่ใช้พันยาเสพติดของกลาง จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง จากการตรวจสอบของกลางด้วยชุดทดสอบสาร
เสพติดเบื้องต้น (ONCB 053 Modified Cobalt Thiocyanate Reagent) ซึ่งใช้สำหรับทดสอบคีตามีน สีของน้ำยาหลัง
ทดสอบเป็นสีม่วงและตกตะกอนสีขาว สอบถามนายเคนเนดี้ ยอมรับว่ายาเสพติด (คีตามีน) ของกลางดังกล่าวเป็นของ
ตนเอง ซึ่งได้นำมาจำหน่ายให้กับสายลับในราคา 60,000 บาท ตามที่ตกลงซื้อขายกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้แจ้ง
ข้อกล่าวหาและจับกุมดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว

4. สืบ ตม. รวบหนุ่มแดนกังหันลมหลอกขายทองหวังฉกดอลลาร์กก.๑ บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีกลุ่มชายชาวต่างชาติผิวสี
มีพฤติกรรมหลอกลวงขายเม็ดทองคำในราคาถูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเม็ดทองปลอม โดยจะอ้างว่ามีทองคำนำเข้ามาจากแอฟริกาจะขายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด เพราะสามารถนำเข้าประเทศไทยแบบไม่เสียภาษี พร้อมทั้งโชว์เม็ดทองคำจำนวนมาก
 

จากการตรวจสอบทราบว่า หากมีผู้ใดสนใจซื้อ จะนัดพูดคุยและมอบเม็ดทองคำตัวอย่างซึ่งเป็นทองคำแท้ให้เหยื่อนำไปตรวจสอบก่อน จากนั้นหากเหยื่อหลงเชื่อตกลงซื้อเม็ดทองดังกล่าว จะนัดพบกันเพื่อซื้อขายเม็ดทองดังกล่าว โดยขายในราคา 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2 ล้านบาท) และมักจะอ้างให้เหยื่อเตรียมเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐตามจำนวนที่ตกลงซื้อขายกัน ซึ่งหากเหยื่อหลงเชื่อจะรับเงินสดและส่งเม็ดทองปลอมให้แล้วหลบหนีไปหรือหากเหยื่อเริ่มสงสัยว่าเม็ดทองทั้งหมดเป็นของจริงหรือไม่ จะพยายามหาวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจ และสับเปลี่ยนเงินของเหยื่อด้วยเงินปลอมที่เตรียมมาด้วย แล้วหลบหนีไป

จากการสืบสวนทราบว่ามีชายผิวดำซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หลอกลวง พักอาศัยอยู่ที่โรงแรมภายในซอยสุขุมวิท 5
ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ จนพบชายผิวดำเป้าหมาย
มาปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าว
ชื่อ MR.NDILLE (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติดัตซ์ และจากการตรวจสอบห้องพักพบกระเป๋าเสื้อผ้าภายในมีถุงบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จำนวน 1 ถุง และพบถุงพลาสติกใสบรรจุสิ่งของลักษณะคล้ายเม็ดทองคำน้ำหนักประมาณ 100 กรัมอีก 2 ถุง โดย MR.NDILLE ให้การว่าได้ซื้อเม็ดทองมาจากประเทศจีน โดยเม็ดทองถุงน้ำหนัก 5 กิโลกรัม เป็นเม็ดทองปลอม และเม็ดทองที่บรรจุในถุงพลาสติกถุงละประมาณ 100 กรัมจำนวน 2 ถุง เป็นเม็ดทองจริง 1 ถุง และเป็นเม็ดปลอม 1 ถุง จึงทำการยึดไว้พร้อมด้วยเงินสด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
เงินเยน เงินปอนด์ รวมเป็นเงินประมาณ 117,600 บาท
 

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ พบมีการแชทพูดคุย ผ่าน WhatApp กำลังหลอกเหยื่อเพื่อขายเม็ดทองคำ โดยพบมีภาพได้โชว์เม็ดทองคำจำนวนมากให้ดูและเสนอขายในราคาถูก และมีการให้ตัวอย่างเม็ดทองคำให้ไปตรวจดูก่อนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นเม็ดทองคำแท้ จึงตกลงซื้อ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 55,000ดอลลาร์ (ประมาณ 2 ล้านบาท) ทั้งนี้ในการซื้อขาย MR.NDILLE จะขอรับเป็นเงินดอลลาร์เท่านั้น และนัดส่งมอบ
เม็ดทองคำ ที่ห้างสรรพสินค้าในแขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรงเทพฯ จึงได้ติดต่อผู้ที่พูดคุยกับ MR.NDILLE
ดังกล่าวทราบว่า ได้ตกลงซื้อเม็ดทองจาก MR.NDILLE แล้ว และได้นัดพบกันเพื่อซื้อขาย โดย MR.NDILLE ได้มากับ
เพื่อนอีก 3 คน และพยายามเบี่ยงเบนความสนใจและหาโอกาสในการสับเปลี่ยนเงินดอลลาร์ของปลอมที่กลุ่มMR.NDILLE เตรียมมา ซึ่งโชคดีที่เหยื่อสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้โวยวายและยกเลิกการซื้อขาย และนอกจากนี้ยังพบข้อมูลการแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายคน เพื่อหลอกขายเม็ดทองปลอมดังกล่าว เบื้องต้น ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ MR.NDILLE เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้อื่น เป็นภัยต่อสังคม ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง และขึ้นบัญชีเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัว
เตรียมผลักดันกลับประเทศต่อไป โดยระหว่างนี้ ได้ประสานเหยื่อที่เคยถูกหลอก หรือกำลังจะถูกหลอก เพื่อดำเนินคดี
ตามกฎหมาย และทำการสืบสวนหาผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด
ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้ าเมืองอาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th
จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง





คำที่เกี่ยวข้อง : #สตม.  









©2018 CK News. All rights reserved.