ตร.ไซเบอร์ เตรียมเสนอปิดเว็บไซต์ Polymarket.com เปิดเดิมพันเหตุการณ์สำคัญของโลก


14 ม.ค. 2568, 14:04

ตร.ไซเบอร์ เตรียมเสนอปิดเว็บไซต์ Polymarket.com เปิดเดิมพันเหตุการณ์สำคัญของโลก




วันที่ 14 ม.ค.2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. แถลงข่าวตำรวจไซเบอร์เตรียมเสนอปิดเว็บไซต์ Polymarket.com ที่มีการเปิดให้มีการเดิมพันเหตุการณ์สำคัญของโลก ผ่านคริปโตเคอร์เรนซี่

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ดำเนินการเฝ้าติดตาม เว็บไซต์การพนันออนไลน์ที่มีลักษณะเข้าข่ายผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าปัจจุบันมีการ พัฒนาเข้าสู่ยุค เว็บ 3.0 และมีการนำคริปโตเคอร์เรนซี่ มาใช้เป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรม ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความยากในการตรวจสอบและติดตาม


จากการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ Polymarket.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ระดับโลกที่ให้บริการการทำนายผลหลากหลายประเภท เช่น การเมือง กีฬา บันเทิง และเศรษฐกิจ มีลักษณะเข้าข่ายการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย เนื่องจากการใช้คริปโตเคอร์เรนซี่ในการแลกเปลี่ยนและเดิมพันขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวยังถูกปิดกั้นหรือควบคุมการเข้าถึงในหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ฝรั่งเศส และสิงคโปร์ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนและความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ

ซึ่งบช.สอท. เห็นว่าการดำเนินการระงับเว็บไซต์ Polymarket.com มีความสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของการพนันออนไลน์ และเพื่อป้องกันการนำคริปโตเคอร์เรนซี่ไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง

สำหรับการเฝ้าระวังและความร่วมมือระหว่างประเทศทางตำรวจได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูล รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าว การดำเนินการนี้สะท้อนถึงความพยายามร่วมกันของนานาประเทศในการควบคุมและป้องกันกิจกรรมที่อาจ เข้าข่ายผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ฝากเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมบนเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาต และระมัดระวังการ ใช้คริปโตเคอร์เรนซี่ในทางที่ผิด หากพบข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย สามารถแจ้ง ข้อมูลได้ที่สายด่วน AOC 1441 หรือแจ้งความออนไลน์ที่ https://thaipoliceonline.go.th/


พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังกล่าวถึงแนวทางการสกัดกั้นเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า จะมีการคัดกรองคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทางตำรวจคนตรวจคนเข้าเมือง ประสานการปฎิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในตำรวจเอง ก็จะมีตำรวจสันติบาลและตำรวจไซเบอร์ เพื่อที่จะรับทราบข้อมูลว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์ที่ควรจะเฝ้าระวัง และน่าเชื่อว่าจะมาก่อเหตุในลักษณะของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เช่นใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน คือเดินทางมาที่ประเทศไทยโดยสายการบิน จากนั้นเดินทางต่อไปยังประเทศที่สาม เพื่อไปประกอบการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีการสกัดกั้นในส่วนของคนไทยที่จะออกไปร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำการหลอกคนไทยด้วยกัน โดยสกัดกั้นไม่ให้ออกเดินทางไปนอกประเทศได้ เพื่อเป็นการยับยั้งการก่อเหตุอาชญากรรมทางออนไลน์ ซึ่งก็จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจในพื้นที่แนวชายแดน ตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจไซเบอร์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและปกครองในพื้นที่

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันเป็นปัญหาของทุกประเทศทั่วโลก ในประเทศเราเองก็มีสแกมเซ็นเตอร์บ้าง แต่ที่ผ่านมาทางตำรวจเองก็มีการปราบปรามอย่างจริงจัง และมีการจับกุมได้อยู่ตลอด โดยส่วนมากประเทศไทยเราก็จะมีปัญหาเรื่องสแกมเซ็นเตอร์ที่อยู่เพื่อนบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องมีการสกัดกั้นทั้งตัวคนและสกัดกั้นสัญญาณโทรศัพท์ไม่ให้กระจายออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และสกัดกั้นอุปกรณ์เครื่องมือเกี่ยวกับการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นซิมบล็อก ไม่ให้นำมาใช้ในประเทศไทย และจะยกระดับความร่วมมือให้เป็นระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามในกรณีการหลอกเยาวชนไปทำงานแก่คอลเซ็นเตอร์ก็มีการป้องกันโดยมีการสร้างความรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชน  





คำที่เกี่ยวข้อง : #ตำรวจไซเบอร์  









©2018 CK News. All rights reserved.