วันที่ 9 พ.ย.2567 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.วรฉัตร ฉลวยแสง สว.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายศักดิ์สิทธิ์ฯ อายุ 38 ปี และ นายสมจิตรฯ อายุ 65 ปี บริเวณถนนเพชรเกษม ทล.4 (ขาเข้า กทม.) กม.182+200 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสตูล ได้จับกุม นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ซึ่งกำลังก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้า บริเวณถนนสายตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล โดยภายหลังจากการจับกุม นายเอฯ ให้การรับว่า ได้ร่วมกับพวกอีก 3 คน ซึ่งหลบหนีไปได้ คือ นายศักดิ์สิทธิ์ฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ซึ่งเป็นบิดาของนายเอฯ, นายสมจิตรฯ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ซึ่งเป็นปู่ของนายเอฯ และ น.ส.น้ำ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายเอฯ โดยทั้ง 4 คนจะใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง (ซาเล้ง) ขับขี่ตระเวนไปยังบริเวณถนนบ้านตันหยงโป ต.ตันหยงโป อ.เมือง จ.สตูล เมื่อพบเสาไฟฟ้าซึ่งมีหม้อแปลงไฟฟ้าติดตั้งอยู่ นายเอฯ จะนำอุปกรณ์ที่เตรียมมาขึ้นไปถอดหม้อแปลงไฟฟ้า
จากนั้นนายศักดิ์สิทธิ์ฯ จะให้การช่วยเหลือและรอรับหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่บริเวณด้านล่าง โดยมีนายสมจิตรฯ และน.ส.น้ำฯ คอยดูต้นทางให้ ซึ่งหลังจากถอดหม้อแปลงไฟฟ้ามาได้แล้วจะนำกลับมาถอดแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์และนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยในแต่ละครั้งจะขายได้ราคาประมาณ 8,000-10,000 บาท ต่อลูก/ต่อครั้ง ซึ่งหลังจากที่ได้เงินมาแล้วก็จะนำมาแบ่งกัเพื่อใช้จ่ายภายในครอบครัว โดยนายเอฯ รับว่าก่อเหตุลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้ามาแล้ว จำนวน 4 ครั้ง ได้รับเงินจากการขายหม้อแปลง ไฟฟ้าประมาณครั้งละ 40,000 บาท โดยเจ้าตัวรับว่าศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าผ่านทาง Youtube และดูวิธีการขึ้นไปถอดเปลี่ยนแปลง และร่วมกันสร้างอุปกรณ์ที่ใช้การลักทรัพย์หม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวเอง
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายศักดิ์สิทธิ์ฯ และนายสมจิตรฯ กำลังเดินทางหลบหนีโดยใช้รถยนต์เข้ากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี จึงได้วางกำลังทำการสกัดจับกุมตัวได้ที่บริเวณ ถนนเพชรเกษม (ขาเข้า กทม.) กม.182+200 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวนำส่ง สภ.เมืองสตูล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
©2018 CK News. All rights reserved.