วันที่ 25 ต.ค.2567 พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท.,พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุม น.ส.นัยนาฯ อายุ 66 ปี ,น.ส.สุนทรีฯ อายุ 21 ปี ,นายวีรวัฒน์ฯ อายุ 24 ปี และนายสุริยะฯ อายุ 21 ปี
ผู้ต้องหากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
สืบเนื่องจากประมาณต้นปี 2567 ได้มีกลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสนำกระแสโซเชียลมาเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชน โดยกลุ่มคนร้ายจะไปกว้านซื้อบัญชีโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก มาสวมบัญชีสร้างร้านค้าขายสินค้าต่างประเทศ และบัตรคอนเสิร์ต จากนั้นคนร้ายจะไปนำภาพผลิตภัณฑ์ LABUBU ที่ได้รับความนิยมและหายากตามโซเชียลมีเดียต่างๆ นำมาโพสต์เพื่อหลอกขายให้กับประชาชนทั่วไป
โดยเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อได้เข้าไปสั่งซื้อสินค้า คนร้ายจะมีการถ่ายภาพยืนยันกับกล่องพัสดุเปล่า พร้อมเขียนข้อความส่งให้กับลูกค้าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยหลังจากที่โอนเงินให้คนร้ายแล้ว ก็ไม่มีการส่งสินค้าตามที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายจึงได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท.
โดยพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 กลุ่ม รวม 4 ราย
ผู้ต้องหากลุ่มที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดพล เข้าทำการตรวจค้นที่บ้าน 2 ชั้นแห่งหนึ่ง ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นหญิงไทย จำนวน 2 ราย พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์พบว่า น.ส.สุนทรีฯ มีการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวน
เกือบร้อยราย
อีกทั้งมีการแชทด่าว่าซ้ำเติมผู้เสียหายหลายราย จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลายราย นอกจากนี้พบว่า น.ส.สุนทรีฯ ยังหลอกลวงขายป้ายไฟ แท่งไฟงานคอนเสิร์ตและหลอกขายเสื้อผ้าออนไลน์อีกด้วย
ผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าทำการตรวจค้น
ในพื้นที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นห้องเช่าและบ้านเช่า รวม 2 จุด ได้จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นชายไทยจำนวน 2 ราย ตรวจยึดโทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเครื่องแต่งกายที่ใช้สวมใส่ไปในการกดเงิน
จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบมีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอีกหลายคดี
โดยจากการสืบสวนขยายผลพบว่า นอกเหนือจากการหลอกขายสินค้าออนไลน์แล้ว คนร้ายกลุ่มนี้ยังได้มีการหลอกลวงในลักษณะหลอกลวงรับแลกเงินต่างประเทศและหลอกซื้อบัตรเติมเกมส์ จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายวีรวัฒน์ฯ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2567 พบว่ามีเงินซึ่งน่าเชื่อว่าได้มาจากการหลอกลวงกว่า 3,300,000 บาท โดยนายวีรวัฒน์ฯ รับว่าได้นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมด
ภายหลังการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น น.ส.นัยนาฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าได้กระทำความผิดในคดีนี้จริง เริ่มหลอกลวงผู้เสียหายมาตั้งแต่ประมาณเดือน พ.ค.2567 และใช้บัญชีของญาติตนเองในการรับโอนเงินจากเหยื่อ
ส่วนผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า ได้ร่วมปลอมบัญชีโซเชียลมีเดียขึ้นและโพสต์ขายผลิตภัณฑ์ LABUBU เพื่อหลอกลวงเหยื่อและใช้บัญชีของบุคคลอื่นมารับโอนเงิน ก่อนที่จะไปกดเงินสดนำมาแบ่งกัน โดยได้เริ่มหลอกลวงลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2565
©2018 CK News. All rights reserved.