วันที่ 19 ต.ค.2567 ร.ต.ท.บัญชา ต้วมสี ,ร.ต.ท.ภัทรพงษ์ พุฒพันธ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. , ด.ต.พุฒิ ยิ่งสมบัติ , ด.ต.สยาม โพธิ์ทอง , ส.ต.อ.กฤษฎา อ้นประวัติ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ , กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม , สถานีตำรวจภูธรหลังสวน , กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชุมพร ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 1.นายพิทักษ์ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 210/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2567 2.นายเสกสรรฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดหลังสวน ที่ 209/2567 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2567 โดยกล่าวหาว่า กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,ร่วมกันให้ที่พักอาศัย ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาญาจัการโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นการจับกุมสถานที่จับกุม ถนนเพชรเกษม ทล.4 (ขาเข้า กทม.) กม.187+500 ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
พฤติการณ์ ด้วยเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2567 เวลาประมาณ 11.30 ได้ สภ.หลังสวน รับแจ้งเหตุว่าพบ กลุ่มบุคคลหมดสติบริเวณป่าละเมาใกล้กับวัดแห่งหนึ่ง ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดพบว่า เป็นกลุ่มชาวเมียนมา 26 คน นั่งอยู่บริเวณป่าละเมาะ บางรายมีอาการนอนแน่นิ่ง และได้เข้าช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ภายหลังทราบว่าเสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย (เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1ราย เป็นชายทั้งหมด)
จากการตรวจสอบบุคคลทั้งหมด พบว่าไม่มีเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด จากการสอบถามแพทย์ผู้ชันสูตร เบื้องต้นให้รายละเอียดว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากการขาดอากาศหายใจเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ พบรถต้องสงสัยที่เชื่อว่าน่าจะเป็นรถที่นำพากลุ่มบุคคลต่างด้าว ดังกล่าวมาปล่อยในที่เกิดเหตุจำนวน 2 คัน ได้แก่ 1.รถยนต์กระบะตู้ทึบ สีเทาเข้ม ทะเบียนจังหวัดสมุทรสงคราม และ 2.รถยนต์กระบะตู้ทึบสีเทาอ่อน ทะเบียนจังหวัดหนองคาย
จากการซักถามข้อมูลจากบุคคลต่างด้าวที่พบโดยผ่านล่ามทราบว่า เป็นบุคคลต่างด้าวที่เดินทางมาจาก รัฐยะไข่ ประเทศพม่า จะไปประเทศมาเลเซีย โดยเดินทางมาทั้งหมด 26 คน (เป็นหญิง 5 คน ชาย 21 ) ผ่านทางช่องทางธรรมชาติติดกับ อ.แม่สอด จ.ตาก และเดินทางเปลี่ยนยานพาหนะมาประมาณ 3 รอบ ก่อนเกิดเหตุ ต่อมาผู้ขับขี่รถยนต์กระบะตู้ทึบทั้ง 2 คัน สังเกตุเห็นว่าผู้โดยสารมีอาการไม่ดี จึงได้นำบุคคลต่างด้าวลงจากรถมาไว้ยังบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 เวลาประมาณ 10.30 น.
ซึ่งต่อมาในวันเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี ได้สกัดจับรถทั้ง 2 คันที่ต้องสงสัยขนแรงงานต่างด้าวข้างต้น ได้ที่บริเวณ ถนนเพชรเกษม ขาเข้า กม.187+500 หน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงชะอำ ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี จึงได้เชิญ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนมาทำการซักถามปากคำที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวง ทราบชื่อคนขับรถกระบะตู้ทึบคันทะเบียนจังหวัดสมุทรสงคราม ชื่อ นายพิทักษ์ฯ และคนขับรถกระบะตู้ทึบอีกคันทะเบียนจังหวัดหนองคาย ชื่อ นายเสกสรรฯ
และในวันเดียวกันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน ได้ขอศาลจังหวัดหลังสวนอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้ข้อหา กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันให้ที่พักอาศัย ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราขอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นการจับกุม จึงได้ประสานข้อมูลมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเพชรบุรี ให้ทำการจับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สภ.หลังสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และทำการขยายผลถึงกลุ่มเครือข่ายขนแรงงานต่างด้าวนี้มารับโทษตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ยอมรับว่าเป็นคนขับรถนำพาต่างด้าวมาจริง โดยขับไปรับกลุ่มคนต่างด้าวทั้ง 26 คนมาจากเขตพื้นที่นิมิตรใหม่ จ.กรุงเทพฯ เพื่อไปส่งที่พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยแบ่งหน้าที่กันซึ่ง นายพิทักษ์ฯ จะทำหน้าที่ขับรถกระบะตู้ทึบ ทะเบียนจังหวัดสมุทรสงคราม บรรทุกคนต่างด้าวที่แอบหลบซ่อนจำนวน 26 คนอัดแน่นในตู้ทึบหลังกระบะ ซึ่งต่อมาทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจจำนวน 3 คน ส่วนนายเสกสรรฯ จะทำหน้าที่ขับรถกระบะตู้ทึบ คันทะเบียนจังหวัดหนองคาย เป็นรถนำดูต้นทางให้กับนายพิทักษ์ฯ เพื่อคอยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้งสองยังได้รับอีกว่า ได้รับการชักชวนจากเพื่อนในกลุ่มที่ขับรถบรรทุกขนส่งของด้วยกันชักชวนมาทำงานขนต่างด้าว เพราะรายได้ดีมาก หากทำงานส่งคนสำเร็จจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 100,000 บาท โดยหากตกลงรับงาน จะมีกลุ่มขบวนการใช้หมายเลขปริศนาโทรมานัดแนะจุด ที่ให้ไปรับคนต่างด้าว และจุดที่จะไปส่งคนต่างด้าวลงไว้ โดยรับจ้างขนคนต่างด้าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7-8 ครั้ง ได้รับค่าจ้างขนครั้งละ 70,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนแรงงาน โดยจะไปรับคนจากพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ไปส่งยังพื้นที่ภาคใต้
©2018 CK News. All rights reserved.