"พีพี กฤษฏ์" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแจงรับจ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์  THE ICON GROUP


11 ต.ค. 2567, 22:03

"พีพี กฤษฏ์" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวแจงรับจ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์  THE ICON GROUP




เวลา 19.30 วันที่ 11 ต.ค.2567 ศิลปินหนุ่ม "พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร" ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่ได้รับจ้าง เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์ จากเครือ THE ICON GROUP

โดยศิลปินหนุ่มเผยว่า  “ขอบคุณที่พี่ๆมาตรงนี้ คือรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จริงๆได้รับรู้ข้อมูลต่างๆมาทางทีมงานด้วย แล้วรู้สึกว่าอยากจะมาชี้แจงเองมากกว่า ว่าจริงๆแล้วเราเป็นพรีเซนเตอร์ให้เขาในรูปแบบใดอะไรยังไง

คือตอนนั้นพูดก่อนเลยว่าพีรับงานนี้เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์หนึ่ง ตั้งแต่พฤษภา ปี 65 ก็ ซึ่งเป็นสัญญาณ1ปี ในเงื่อนไขสัญญาณในการทำงานทั้งหมด1ปีที่ผ่านมา พีทำงานกับเขา3วัน คือถ่ายภาพนิ่ง ออกรายการพีพีxกัน และก็มีอีกอย่างนึงก็คืออีเวนท์เปิดตัว product นอกนั้นไม่มีเลย อันนี้คือถูกระบุไว้ในสัญญาทั้งหมด และตัวพีเองก็ทำหน้าที่พรีเซนต์นำเสนอ promote ตัวผลิตภัณฑ์ตัวบูมไอซีอย่างเดียวเลยครับ

เหตุผลที่รับ เพราะตอนนั้นน่ะเป็นพีออกจากบริษัทเก่าและเริ่มทำบริษัทตัวตัวเอง และทีมงานก็ได้เช็คทั้งหมดแล้วว่าผ่านการรับรองจากหน่วยงานรัฐและตัวผลิตภัณฑ์ได้ผ่าน อย. แล้วและได้เช็คถึงตัวบริษัทเองด้วยว่าจริงๆแล้วได้มีการทุนจดทะเบียนเท่าไหร่ ข้อมูลถูกต้องตามกฏหมายไหม ตรงนั้นเราก็เช็คมาเรียบร้อยแล้ว จริงๆตกใจตอนนี้ก็ยังตกใจอยู่ และรู้สึกว่าไม่สบายใจเลยอยากจะออกมาพูดในวันนี้”

จริงๆตอนนั้นเรายังไม่ทราบเบื้องหลังใช่ไหมตอนรับงาน?
“คือตัวพีเองจะได้รับทราบข้อมูลของ product อย่างเดียว กิจกรรมในบริษัทเขา การตลาดกลไกไม่รู้เลย”

ย้อนไปในวันเปิดตัว เขาระบุไหมว่าเราอ่ะจะต้องพูดอะไรบนเวที?
“มีครับ มีระบุมาว่าเราจะต้องทำอะไรบ้าง เราต้องขายอะไรบ้าง แต่ตัวพีเองก็จะขายตัวที่พีเป็นพรีเซนเตอร์เท่านั้น”

มีข้อความไหนในสคริปต์ที่เราไม่สบายใจแล้วเราอยากปรับแก้ไหม?
“ก็จะมีทีมที่ปรับแก้ให้เราทั้งหมดแล้ว อะไรที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงพีก็จะตัดทิ้งทั้งหมด ก็จะมีทีมงานกรองให้หมดแล้ว”

จ่ายเงินแบบไหน?
“คือจะแบ่งจ่ายสองงวด ได้เงินแค่สองรอบ ค่าพรีเซ็นเตอร์ (ไม่มีว่ายอดขายเท่าไหร่เราจะได้เงินเพิ่ม ?) ไม่ เราได้ค่าจ้างพรีเซนเตอร์เท่านั้น คือสัญญาเรามี1ปีหมด ไปมิถุนายน ปี 2566"

รู้จักบอสพอลเป็นการส่วนตัวไหม?
"ผมไม่ได้รู้จัก คือเหมือนว่าเขาอ่ะเป็นผู้ว่าจ้างพีในมาว่าจ้างโฆษณาได้เจอเขาก็อย่างที่บอกว่า3วัน ในหนึ่งปีเจอเขาแค่นั้นเลย(มีการพูดคุยอะไรนอกจากเป็นพรีเซนเตอร์?) เขาก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับหนูนะ (เขาไม่ได้มีชวนให้ไปร่วมอย่างอื่นเลย?) คือส่วนตัวไม่มีจริงๆ เขาก็ไม่ค่อยคุยอะไรกับหนู"

หลังจากทราบเรื่องเรากังวลเราห่วงอะไร?
"เราห่วงความรู้สึกของแฟนๆ และจริงๆเราเป็นห่วงผู้เสียหายทุกคน ผมไม่อยากให้ทุกๆคนเข้าใจผิดและอยากจะมาชี้แจงให้ทุกคนทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคืออะไรในเคสของพี แล้วพียินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเอกสารทางการเงิน หรือตัวสัญญาเอง ผมสามารถให้ข้อมูลสิ่งนี้ได้หมดเลย"

ที่ผ่านมา เราเคยได้รับ Feedback ไหมว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีปัญหาอะไร มีผู้เสียหายมาร้องเรียนไหม?
"ส่วนตัวคือพไม่รู้ไม่ได้รับทราบด้วย หรืออาจจะมีแล้วพีอาจจะไม่ได้เห็นเพราะว่าเราไม่ได้อ่านด้วย คือมันผ่านมาประมาณปีครึ่งแล้ว คือถ้ามันมีอะทางทีมเขาก็จะต้องแจ้งบริษัทและบริษัทก็จะแจ้งพีอีกที แต่เท่าที่ทราบอ่ะไม่มีครับ

แล้วสิ่งที่ดีที่สุดคือให้การร่วมมือกับทางกฎหมาย อยากได้ข้อมูลอะไรจากตัวพี พีสามารถให้ได้ครับและยินดีมากๆ (มีเอกสารทุกอย่าง?) มีครับมีทุกอย่างเลยครับ”

การจะรับงานหลังจากนี้?
“จริงๆทุกครั้งที่พีรับงานพรีเซนเตอร์ พีก็จะรู้สึกว่าพีรู้สึกชอบ พีโอเคกับสินค้านั้นๆ และไปเช็คตามระบบกฎหมายทั้งหมดว่าจดทะเบียนยังไง จดด้วยชอบธรรมไหม สินค้าคุณผ่านมาตรฐานยังไงบ้าง และถ้าตัวพีโอเค พีจะรับ ส่วนในเรื่องของความระมัดระวัง มันก็คงมากขึ้นแหละครับ และหลังจากนี้ก็คงจะรัดกุมสิ่งนี้ในบริษัทให้แน่นขึ้น และอาจจะลงไปดู detail ในการรับงานสิ่งนี้มากขึ้น”

ตอนนั้นเราได้มีข้อสงสัยในส่วนตัวบริษัทไหม?
“พีไม่ได้รับรู้อะไรเลย พีพรีเซนต์สินค้า อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัว product เราก็จะไม่พูดถึงสิ่งนั้น แล้วเราก็จะไม่พรีเซนต์สิ่งนั้นเลย อันนี้คือในข้อสัญญาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แล้วเรื่องของสคริปต์ก็ถามว่าปรับแก้เยอะมั้ยต้องขอถามผู้จัดการ”

ผจก: “อย่างในการอวยผู้บริหารก็ให้น้องพูดอยู่บนพื้นฐานของน้อง”

ได้ปรึกษาหารือกับ Billkin ไหม?
“ก็ปรึกษาก็มีการคุยกันตลอด เขาก็เป็นห่วง”

เราจะออกมาชี้แจงนี้ได้คุยกับ Billkin?
"จริงๆอ่ะเขาตามใจพี คือพีรู้สึกไม่สบายใจอยากออกมาชี้แจงเรื่องนี้จริงๆ เพราะว่าพีไม่สบายใจ จริงๆเขาก็กำลังใจ เขาก็บอกสู้สู้

ถามว่ามีฟีดแบ็กอะไรไหม รวมๆก็อาจมี แต่ถ้าตรงๆเลยไม่ คือที่พีอ่านแล้วรู้สึกคือที่พีรู้สึกไม่สบายใจจริงๆในฝั่งคอมเม้นต์ในการที่บอก ว่าดาราศิลปินตั้งใจมาทำให้คนเชื่อถือหรือว่าตาม แต่จริงๆทุกๆงานที่พีทำ พีตั้งใจจริงๆทำด้วยความตั้งใจของพีจริงๆ ไม่อยากให้มองศิลปินดาราแบบนั้น“

การที่มีผู้เสียหายข้างค่อนข้างเยอะ ในมุมของพี พีรู้สึกเสียใจ ไม่มีใครอยากจะให้คนในรอบตัวหรือใครก็ตามเจอ ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์นี้จริงๆ”

คิดยังไงกับครั้งแรกที่บอสพอลติดต่อเรามาแล้ววันนี้มันคนละเรื่องกันเลย?
“พีเสียใจครับ อย่างที่บอกว่าคงไม่อยากให้เกิดเกิดขึ้นกับใครก็ตาม แล้วพีรู้สึกว่า ก็นี่แหละ คงเป็นสิ่งที่พีต้องระมัดระวังมากขึ้นในการรับงานครั้งหน้า และจริงๆไม่เคยคิดอยากจะให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น คือไม่ได้คาดการณ์ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น จริงๆแล้วพีไม่สามารถเข้าไปดูกิจกรรมหรือกลยุทธ์ยุทธการขาบของเขาได้เลย จริงๆอย่างที่บอกว่ามีหน้าที่พรีเซนต์แค่ตัว product จริงๆตามสัญญา”

เราไม่ได้โดนกดดันอะไรจากบริษัทใช่ไหม?
“ก็ไม่เลยไม่มีใครกดดัน แต่พีอ่ะกดดันตัวเอง อยากจะช่วย ถ้าช่วยสังคมได้ในส่วนเล็กๆก็อยากจะช่วย

คนมองว่าเราใช้ความดังมีชื่อเสียงเป็นดารามาหลอกคนอื่น?
“พีก็ไม่อยากให้คนมองภาพดาราศิลปินแบบนั้นว่าเพื่อมาหลอกเพื่อมาดึงดูดให้ไปซื้อสินค้า สำหรับพีตั้งใจทำทุกๆงาน และพีทำงานด้วยความรักจริงๆกับงานที่พีทำ พอมีคนได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้พีก็รู้สึกเสียใจ ไม่รู้จะพูดยังไงเลยมันเป็นเหตุการณ์ที่พีไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น ไม่ได้อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับแฟนๆพีอยู่แล้ว”

หลังจากหมดสัญญาได้มีคอนเน็คชั่นอะไรต่อไหม?
"ไม่มี ไม่ได้ต่อสัญญาด้วย แล้วก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเลย คือหลังมาแถลงแล้ว เราก็สบายใจ คือมันเหมือนเป็นเรื่องที่เราไม่ได้อธิบายมากกว่า คือประเด็นหลักเลยก็อยากจะช่วยเหลือการให้ข้อมูลต่างๆ อยากจะเป็นส่วนเล็กๆในการช่วยเหลือ ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลอะไรพียินดีให้ความร่วมมือทั้งหมด"





คำที่เกี่ยวข้อง : #ดิไอคอน  









©2018 CK News. All rights reserved.