ตร.ทางหลวง สกัดรถพ่วงขนยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด มุ่งหน้าลงใต้ ก่อนส่งออกประเทศที่สาม


1 ต.ค. 2567, 14:26

ตร.ทางหลวง สกัดรถพ่วงขนยาบ้ากว่า 13 ล้านเม็ด มุ่งหน้าลงใต้ ก่อนส่งออกประเทศที่สาม




วันที่ 1 ต.ค.2567 พ.ต.ต.พุทธางกูร เรืองธรรม สว.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงรวม 8 นาย ร่วมจับกุมตัว นายอมรฯ อายุ 51 ปี คนขับรถพ่วง และนายวีระพงศ์ฯ อายุ 39 ปี ทำหน้าที่บอกทางคนขับ


พร้อมยึดของกลาง ยาบ้าประมาณ 13,000,000 เม็ด ,รถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ 22 ล้อ ทะเบียน จ.สงขลา จำนวน 1 คัน และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง

​พฤติการณ์ สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. ที่ได้มอบหมายให้ตำรวจทางหลวงเข้มงวดกับการปราบปรามอาชกรรมบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดบนถนนหลวง โดยในปีงบประมาณ 2567 (ระหว่าง ต.ค.66 - ส.ค.67) บก.ทล.ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดไปแล้ว 1,569 คน สามารถตรวจยึดยาเสพติดของกลาง เป็นยาบ้า 119,266,779 เม็ด, เคตามีน 568 กิโลกรัม, ยาไอซ์ 471 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 127 กิโลกรัม


​เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและปราบปรามอาชญากรรมบนท้องถนน บริเวณ ถ.เพชรเกษม ขาล่องใต้ กม.378 อ.บางสะพาน
​​ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. ได้มีรถบรรทุกพ่วงเทรลเลอร์ ทะเบียน จ.สงขลา ด้านหลังบรรทุกลังพลาสติก ลักษณะวางเรียงเป็นแนวยาวตามตัวรถคลุมผ้าใบสีดำ ขับขี่เข้ามาในด่าน จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ารถพ่วงคันดังกล่าวไม่มีบังโคลนและยังพบว่ามีการติดตั้งแตรลม ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจึงเรียกให้หยุดและขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่จากผู้ขับขี่ พบว่า ชื่อ นายอมร(สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ในขณะที่ นายอมรฯ ยื่นใบอนุญาตขับขี่ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง สังเกตุเห็นว่ามีอาการเหงื่อแตก มือสั่น เสียงสั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้เรียกให้ นายอมรฯ ลงมาจากรถ เพื่อขอตรวจสอบสิ่งของที่บรรทุกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่ารถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวมีการลักลอบขนส่งสิ่งของผิดกฎหมายมาด้วย
​เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเปิดผ้าใบคลุมสิ่งของที่บรรทุกมาก็พบว่าเป็นตระกร้าพลาสติก สำหรับใส่ผักผลไม้ แต่เมื่อเข้าตรวจค้นแล้ว พบว่าเป็นมัดยาบ้าห่อสีเหลือง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว นายอมรฯ ไว้ทันที

และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงพบว่า ภายในรถยังมีผู้โดยสารอีกหนึ่งคนหลบซ่อนอยู่ ได้เปิดประตูวิ่งลงมาจากรถพ่วงคันดังกล่าวเพื่อพยายามหลบหนีการจับกุม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้วิ่งติดตามไปอย่างกระชั้นชิดจนสามารถสามารถรวบจับตัวได้ ทราบชื่อต่อมา คือ นายวีระพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนขับ คอยบอกทางและติดต่อสื่อสารกับผู้ว่าจ้าง
​จากการตรวจนับของกลางเบื้องต้น พบว่าบนรถบรรทุกพ่วงมีตะกร้าพลาสติกที่บรรจุยาบ้า ทั้งหมด 65 ตะกร้า จึงควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมกับรถของกลางกลับมาตรวจสอบที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน DNA กลุ่มคนร้ายที่มัดยาบ้า และจากการตรวจนับ พบว่ายาบ้าทั้งหมดมี ประมาณ 13,130,000 เม็ด

จากการซักถามเบื้องต้น นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ ให้การรับสารภาพว่า ทั้งสองทำหน้าที่รับจ้างขนยาเสพติดล็อตดังกล่าว มาจากพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อนำไปส่งในพื้นที่ อ.ทุ่งส่ง จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นก็จะมีคนมาคอยรับต่อไปอีกช่วงหนึ่ง โดยจะได้รับจ้างในการขนยาเสพติดเที่ยวละ 200,000 บาท ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่รับจ้างขนยาเสพติดล็อตใหญ่ลักษณะนี้
​ประกอบกับการพูดคุย นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ มีอาการคล้ายคนเสพยาเสพติด

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายไปทำการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ ผลการตรวจพบสารเสพติดอยู่ในร่างกายของผู้ต้องหาทั้งสองคน ทำให้ นายอมรฯ และ นายวีระพงศ์ฯ จะต้องถูกดำเนินคดีใน ข้อหา “ขับรถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย” อีกข้อหาหนึ่งด้วย จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  





คำที่เกี่ยวข้อง : #ตำรวจทางหลวง  









©2018 CK News. All rights reserved.