"ลิลลี่เหงียน" แจ้งความตร.ไซเบอร์ เอาผิดเพจปลอมกว่า 40 เพจ นำรูปโปรโมทเว็บพนัน-ตัดต่อภาพเปลือย


4 ก.ย. 2567, 13:32

"ลิลลี่เหงียน" แจ้งความตร.ไซเบอร์ เอาผิดเพจปลอมกว่า 40 เพจ นำรูปโปรโมทเว็บพนัน-ตัดต่อภาพเปลือย




วันที่ 4 กันนายน ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี1 (บก.สอท.1) ชั้น4 อาคารศูนย์ราชการ ฯ แจ้งวัฒนะ ลิลลี่ เหงียน หรือ ลิลลี่ วันมะนี พอนสะหวัน น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี อายุ 45 ปี นางแบบชื่อดัง พร้อมด้วย น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เดินทางเข้าพบพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (ผบก.สอท.1) เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ หลังถูกมิจฉาชีพนำภาพและชื่อไปทำเฟสบุ๊กปลอม ทำให้เสียชื่อเสียง และหลอกลวงประชาชน

ลิลลี่ เปิดเผยว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพราะมีความเดือดร้อนกังวลใจเนื่องจากพบว่ามีเพจเฟซบุ๊กปลอม ที่ปลอมทั้งชื่อและภาพของตน พร้อมเบอร์ติดต่องานของผู้จัดการที่เป็นเบอร์จริง โดยมีเพจฯปลอมรวมแล้วกว่า 50 เพจ ที่มีการนำไปโปรโมทเว็บพนันออนไลน์ หวยใต้ดิน ดูหมิ่นเบื้องสูง  วิจารณ์เกี่ยวกับการเมือง และนำภาพไปตัดต่อเป็นภาพโป๊เปลือย จึงเข้าแจ้งความบันทึกประจำวัน ที่บก.สอท.1 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เนื่องจากตนไม่เคยทำผิดกฏหมายและจะไม่ทำเด็ดขาด

โดยขณะนี้มีแฟนคลับของตนหลงเชื่อเเละเสียหายแล้วประมาณ 3-4 ราย โดยส่งข้อความมาบอกว่า “ทำไมลิลลี่หลอกลวง อุตส่าห์เชื่อใจไปลงทุนกับเว็บพนัน” ซึ่งเสียเงินไปแล้วประมาณหลักพัน-หมื่น บาท นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับบางรายตั้งคำถามว่าทำไมตนถึงรับงานถ่ายภาพโป๊เปลือย ซึ่งตนเห็นภาพก็ตกใจ จึงอยากฝากถึงแฟนคลับทุกคนว่าอย่าไปหลงเชื่อเว็บพนันและยืนยันว่าไม่เคยรับงานผิดกฎหมายใดๆ รวมไปถึงรับถ่ายแบบโป๊เปลือย ทั้งนี้อยากฝากถึงมิจฉาชีพอย่าทำร้ายตนเลย พร้อมยืนยันจะดำเนินการให้ถึงที่สุด

ทนายกุ้ง กล่าวว่า ในวันนี้มาเพื่อแจ้งความขอให้ทางพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิด โดยเขาข่ายความผิด ทางพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 และ มาตรา16 นอกจากนี้ตนยังคิดว่ามีผู้กระทำความผิดแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก และคนที่ได้รับผลกระทบหรือเสียหายมักเป็นคนมีชื่อเสียง จึงอยากให้ทางพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ได้จัดการผู้กระทำผิดต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบประมาณ 40 URL ที่ปลอม ในวันนี้ตนจะสั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 ทำการตรวจสอบว่า 40 URL ดังกล่าวว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงอวตารเท่านั้น หากพบว่ามีตัวตนจริง ทางตำรวจไซเบอร์ก็จะไม่ปล่อยไว้และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด  จากนั้นก็จะส่งเรื่องไปยัง Facebook Thailand ให้ตรวจสอบว่าจะปิดเพจฯดังกล่าวหรือไม่ ในส่วนตรงนี้จะใช้เวลามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ Facebook Thailand ทั้งนี้หากประขาชนคนใด ถูกปลอม Facebook ให้รีบแจ้งความเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป





คำที่เกี่ยวข้อง : #ตำรวจไซเบอร์  









©2018 CK News. All rights reserved.