วันที่ 31 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์  เตชะอัครเกษม รองผบช.น. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รองผบช.น., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผบช.น.  พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8 พ.ต.อ.โชติช่วง รัศมีผกก.สส.บก.น.8 พ.ต.ท.อชิรเวชชย์ สุพรรณเภสัช รองผกก.สส.บก.น.8 พ.ต.ท.นัทธพงศ์ แก้วอยู่  พ.ต.ท.ธวัชชัย แจ่มวิถีเลิศ สว.กก.สส.บก.น.8 ร่วมกันจับกุมนายวัชระ หรือเนย รุ่งเรืองรักษา อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 1,700,000 เม็ด ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน 2กศ 617 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้เก็บยาเสพติด 1 คัน บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 637 ซอยประชาอุทิศ 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องภายในบ้านเลขที่ 637 ซอยประชาอุทิศ 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 ก.ค. เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สําราญ เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนนครบาล 8 ได้สืบสวนจากกลุ่มผู้ค้ารายย่อยแก๊งประชาอุทิศในพื้นที่ฝั่งธนบุรี แล้วได้สืบสวนขยายผลถึงต้นทางยาเสพติดดังกล่าว จนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ที่ลักลอบกระจายเสพติดในพื้นที่ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ โดยเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวลักลอบไปรับยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนภายในบ้านเลขที่ 637 ซอยประชาอุทิศ 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร โดยมีนายวัชระ หรือเนย รับหน้าที่ไปรับ เก็บซุกซ่อน และส่งยาเสพติด จึงได้สืบสวนติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา เมื่อจับกุมดังกล่าวจะขยายผลตรวจสอบยึดทรัพย์ผู้ต้องหาดังกล่าว

ต่อมาวันที่ 29 ก.ค. ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ชุดสืบสวนนครบาล 8 เฝ้าสังเกตพฤติการณ์ โดยจัดวางกำลังไว้โดยรอบบ้านหลังดังกล่าว พบนายวัชระ หรือเนย ได้เปิดประตูหน้าบ้านจากนั้นนายวัชระ ได้เดินไปที่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบียน 2กศ 617 กรุงเทพมหานคร คล้ายจะขับรถยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอทำการตรวจค้น พบ 1.ยาบ้า จำนวน 1,700,000 เม็ด 2.ยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “จำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า   และยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิด    การแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ราษฎร์บูรณะ ดำเนินคดีตามกฎหมาย