“ธนาคารที่ดิน” ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนแนวคิด แนวทางการพัฒนาที่ดิน การบริหารจัดการที่ดิน รวมถึงการตรวจสอบและประเมินผลการใช้ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและศักยภาพที่ดิน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.)

วันที่ 23 ก.ค.2567 นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ “ธนาคารที่ดิน” สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางนัยน์รัตน์ เผดิมรอด ภู่งาม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและงานคดี นายสุทธิโรจน์ คำมั่น ผู้อำนวยการกองทรัพยากรบุคคล

นายสุทธิรักษ์ อุฒมนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร และเจ้าหน้าที่ “ธนาคารที่ดิน” เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการใช้ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพที่ดินและศักยภาพที่ดิน จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.)   ร่วมกับ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ ห้องประชุมบอลรูม ๒ โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพฯ

ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวระหว่างเปิดกิจกรรมเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย และนักวิชาการจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยจะมีการร่วมพูดคุยแนวทางการวางรากฐานการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ร่วมกำหนดนิยามการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพที่ดินและภูมิประเทศ  พัฒนารูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่นำร่อง 4 ภูมิภาค หาพื้นที่ต้นแบบในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อจะทำเป็นแบบจำลอง และข้อมูลทางด้านสารสนเทศรวมถึงเครื่องมือในการบริหารจัดการที่ดิน วางแผนงานให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงในการบริหารจัดการที่ดินร่วมกันระหว่างแต่ละหน่วยงาน

“ปัจจุบันการจัดสรรที่ดินแบ่งตามคุณภาพลุ่มน้ำ การจัดที่ดินทำกินแบ่งตามนโยบาย เพื่อกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม แต่ประชาชนจะไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ทว่าสืบทอดไปถึงลูกหลานได้“ ดร.รวีวรรณ กล่าว

นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน เปิดเผยว่า ในฐานะ ”ธนาคารที่ดิน“ เป็นหน่วยงานภาคีด้านที่ดิน กับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ จะได้นำแนวทางการบริหารจัดการที่ดินที่เกิดผลสำเร็จมาพัฒนาที่ดินภายใต้ภารกิจ ดังนี้

1.การกระจายถือครองที่ดิน โดยให้เกษตรกรและผู้ยากจนมีส่วนร่วมในการจัดการที่ดินร่วมกัน
2.บริหารจัดการทรัพยากรที่ดินร่วมกับภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ผู้ยากจน เข้าถึงที่ดินทำกินได้อย่างเท่าเทียม
3.ส่งเสริมการให้ความรู้และการพัฒนาอาชีพ ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกิน จากภาครัฐ ให้เกิดการประโยชน์ในทรัพยากรดินอย่างเต็มศักยภาพ