อดีตนายก อบต.ร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานส่วนเกี่ยวข้องใช้ 2 มาตรฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย


18 ก.ค. 2567, 15:50

อดีตนายก อบต.ร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานส่วนเกี่ยวข้องใช้ 2 มาตรฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย




 

 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้รับการร้องทุกข์จากนายวิศิษฎ์ ดาศรี อายุ 72 ปี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบุแกรง (ปัจจุบันยกฐานเป็นเทศบาลแล้ว)ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในกรณีเรื่องที่มีการร้องกันไป-มา ระหว่าง ตัวผู้ร้องกับฝ่ายคู่กรณี(คู่กรณีปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีบุแกรง) จากหน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้องที่ใช้ 2 มาตรฐานในการดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งๆที่เป็นเรื่องลักษณะเดียวกัน เคยไปตามเรื่องสอบถามก็ได้รับความตอบแค่เพียง กำลังดำเนินอยู่ จนเวลาผ่านมาเนิ่นนานก็ยังได้รับคำตอบเหมือนเดิม จึงอยากให้สื่อช่วยนำเสนอเรื่องนี้ให้ด้วย

 ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว ที่บ้านของนายวิศิษฎ์ เลขที่ 51 บ.ขาม ม.1 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ซึ่งเปิดเป็นปั้มน้ำมัน ปัจจุบันถูกปิดร้างแล้ว โดยนายวิศิษฎ์ เปิดเผยว่า เป็นเรื่องกรณีที่ตนร้องผู้บริหารเทศบาลบุแกรงและเทศบาลบุแกรงก็ร้องตนไปที่ ปปช.และมีหนังสือส่งมาแจ้งตนเมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 แล้ววันที่ 15 พ.ย.อัยการสั่งฟ้องให้ตนไปพบวันที่ 30 พ.ย.66 ภายในไม่เกินหนึ่งเดือน แต่พอถึงเรื่องที่ตนร้องเขาออกมา กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)ส่งเรื่องมาวันที่  12 มี.ค.67 จนถึงวันนี้ 4 เดือนกว่าแล้ว ยังไม่มีการเรียกผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวต่ออัยการเพื่อไปพบศาล ซึ่งเรื่องนี้ตนคิดว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับตน ในกรณีที่ตนร้องเขาและเขาก็ร้องตน เรื่องของเขา 4 เดือนกว่าอัยการไม่เรียกเลย ตนได้ไปสอบถามที่อัยการก็ได้คำตอบว่ากำลังดูเรื่องอยู่ แต่เรื่องของตนแค่ 13 วันก็เรียกไปพบอัยการๆก็ส่งให้ไปพบศาลภายในวันที่ 30 ก็ไม่ถึงเดือน ตนอยากขอความเป็นธรรมให้ช่วยเร่งให้เร็วนิดหนึ่ง 

โดยในเรื่องนี้ตนได้ร้องไปทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ,กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ,มหาดไทย รวมถึงปปป.เยอะแยะไปหมด และตอนนี้ ปปป.ส่งเรื่องแจ้งผลคดีมาถึงตน เมื่อวันที่ 2 มี.ค.66 ว่าเขาส่งให้อัยการแล้วเมื่อวันที่ 12 มี.ค.67 และตอนนี้ 4 เดือนกว่าแล้วก็ยังไม่มีการดำเนินการเลย ซึ่งเรื่องที่ตนร้องเขามีหลักฐานครบ เป็นเรื่องการเข้าค่ายเยาวชน เมื่อปี 54 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างวันที่ 3-5 มิถุนายน 54 ที่มีคนไป 140 คน แต่เทศบาลเบิกจำนวน 150 คน แล้วก็ 7 ฎีกา การคลังไม่มีการตรวจฎีกา เขาก็ยอมรับว่าการคลังไม่ตรวจฎีกา แต่เรื่องก็ไม่คืบหน้า โดยตนร้องไป 4 ประเด็นๆที่ 3 คือแบ่งซื้อแบ่งจ้าง ผู้ว่าฯสมัยนั้นบอกว่าผิด อำเภอก็บอกว่าผิด ประเด็นที่ 4 ล้างฎีกาเป็นเท็จ ไป 140 คน เบิก 150 คน แบ่งซื้อแบ่งจ้าง แล้วมีเจ็ดฎีกาไม่ลงนาม ซึ่งตนมีหลักฐานครบถ้วน เรื่องดังกล่าวตนต่อสู้มาจนเสียปั้มน้ำมันและร้านกาแฟ เสียที่เสียทางโดนยึดหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างขายทอดตลาด แม้แต่ไฟฟ้าก็ยังถูกตัดไม่มีใช้ อาศัยไฟจากไฟโซล่าเซลไว้ส่องสว่าง เรื่องคือต่างคนต่างร้องก็จริงอยู่ แต่ของเขาผู้เกี่ยวข้องทำงานเร็ว แต่พอเรื่องของตนกลับช้า ก็จึงอยากขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย นายวิศิษฎ์ กล่าว
สำหรับหนังสือที่ทาง ปปป.ส่งเรื่องแจ้งผลคดี ส่งมา ลงวันที่ 15 มีนาคม 67 มี เนื้อหาว่า คำร้องทุกข์กล่าวโทษที่อ้างถึง ท่านได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายสมพร ชัยตั้งจิต กับพวก กรณีองค์การบริหารส่วนตำบลบุแกรง อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ทุจริตในการเข้าค่ายเยาวชนประจำปี 2554 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างวันที่ 3-5 มิถุนายน 2554 นั้น

 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ จากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดสุรินทร์ ตามหนังสือที่ ลับ ปช 0040 (สร)/0682  ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2563 ซึ่งกองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตมิชอบ รับเรื่องไว้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีอาญาที่ 24/2565 ซึ่งทางคดีสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นสังฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1 ผู้ต้องหาที่ 2 และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 3 และได้ส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ลงชื่อพันตำรวจเอก ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ

ส่วนอีกหนึ่งแผ่น เรื่องส่งสำนวนคดีที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 และเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 3       เรียน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3

สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. สำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 24/2565 จำนวน 9 แฟ้ม พร้อมตัวผู้ต้องหา 2. สำเนาสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 24/2565 จำนวน 2 ชุด 3. แผ่นดีวีดีสำเนาสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 24/2565 จำนวน 2 แผ่น 4. สำเนาหนังสือรายงานผลการสอบสวนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 1 แผ่น

ด้วย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ขอส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 24/2565 คดีระหว่าง นายวิศิษฏ์ ดาศรี ผู้กล่าวหา กับนายสมพร ชัยตั้งจิต ผู้ต้องหาที่ 1, นายวัชรินทร์ ธรรมเที่ยง ผู้ต้องหาที่ 2 และนางสาวสุพัตรา จือสัตย์ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ชื่อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , มาตรา 147 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่า

ด้วยการป้องกันและปราบการการทุจริต พุทธศักราช 2561 มาตรา 172 (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พุทธศักราช 2542 มาตรา 123/1 เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอายอาญาตรา 83 มายังท่านตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 มาตรา 142

คดีนี้ได้รายงานผลการสอบสวนพร้อมความเห็น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทราบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทูจริต พุทธศักราช 2561 มาตรา 65 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ลงชื่อพลตำรวจตรี ประสงค์ เฉลิมพันธ์  ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองกำกับการ 3 เป็นผู้ลงนาม














©2018 CK News. All rights reserved.