เตรียมส่งสำนวนฟ้องตำรวจ 8 นาย ผิดพ.ร.บ.อุ้มหาย คดีอุ้มลุงเปี๊ยก


11 ก.ค. 2567, 16:17

เตรียมส่งสำนวนฟ้องตำรวจ 8 นาย ผิดพ.ร.บ.อุ้มหาย คดีอุ้มลุงเปี๊ยก




วันที่ 11 ก.ค.2567 นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนร่วมกันประชุมพิจารณาสรุปความเห็นทางคดี คดีลุงเปี๊ยก ที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ บังคับทรมานให้ นายปัญญา คงแสนคำ หรือ "ลุงเปี๊ยก" รับสารภาพในคดีที่ "ป้าบัวผัน" ถูกกลุ่มเยาวชนรุมทำร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นการถูกตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบตามกฏหมาย

นายวัชรินทร์ เปิดเผยว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะส่งสำนวนคดีให้องค์คณะอัยการ ที่อัยการสูงสุด แต่งตั้งมาแต่แรก พิจารณากลั่นกรอง เพื่อจะส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 พิจารณาสั่งฟ้องต่อไป

โดยคณะทำงาน มีความเห็นว่าตำรวจทั้ง 8 นาย ที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย พ.ศ.2565

พฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น เนื่องจากชุดจับกุมได้มีการนำตัวลุงเปี๊ยกมาโดยไม่ได้แจ้งการจับกุมกับพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว และฝ่ายปกครองในพื้นที่ตั้งแต่แรก โดยอ้างว่าเป็นการเชิญตัวมาให้ข้อมูล แต่หลักฐานจากภาพวงจรปิดและการนำเสนอข่าวของสื่อนั้นขัดแย้งกับคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากมีการใส่กุญแจมือลุงเปี๊ยก

ส่วนพฤติการณ์ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 6 คือมีการใช้ถุงดำคลุมหัว และเปิดแอร์ให้หนาว เพื่อให้ได้มาซึ่งคำรับสารภาพของลุงเปี๊ยก และมาตรา 7 การจับกุมจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน แต่กรณีนี้ไม่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้สอบสวน แต่กลับนำตัวไปที่ห้องสืบสวน ซึ่งผิดขั้นตอน

สำหรับในคดี พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดนั้น พนักงานสอบสวนไม่ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลความผิดแต่อย่างใด เพียงแค่แจ้งให้ ป.ป.ช.ทราบเท่านั้น ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มาตรา 31

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยมีข้อกล่าวอ้างแตกต่างกันไป แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ของผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าการสอบสวนเป็นไปด้วยความเป็นกลาง และเป็นธรรม เพราะว่าเปิดโอกาส ให้ฝ่ายผู้ต้องหายื่นหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อชี้แจง ซึ่งทางคณะได้มีการรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งมีพยานบุคคลกว่า 40 ปาก และพยานวัตถุอีกหลายอย่าง อีกทั้งจากการสอบปากคำลุงเปี๊ยก ซึ่งล่าสุดพบว่าลุงเปี๊ยก มีสติสัมปชัญญะปกติ สามารถให้การได้ จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ มีสภาพร่างกายที่ดี มีสภาพจิตใจที่ดี อ้วนท้วนสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งแพทย์ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีอาการแอลกอฮอล์ลิซึ่มหรือติดสุราแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่องค์คณะเห็นชอบกับสำนวนการสอบสวนดังกล่าวแล้วก็จะส่งสำนวนให้กับสำนักงานอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้





คำที่เกี่ยวข้อง : #อุ้มหาย  









©2018 CK News. All rights reserved.