วันที่ 2 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.บัวแพง หรือบัว อายุ 46 ปี ชาว อ.เมือง จ.อุดรธานี  ได้เดินขึ้นโรงพัก สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อสารภาพผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังขโมยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยนำซองบะหมี่ยี่ห้อดังมาแสดงเป็นหลักฐาน พร้อมมาร้องขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาลูกสาวที่ผลัดพรากจากกันมาประมาณ 2 ปี

น.ส.บัวแพง เล่าให้นักข่าวฟังว่า ที่มาโรงพักก็เพื่อมาสารภาพความผิดที่ตนก่อไว้ โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปขโมยของที่ร้านสะดวกซื้อ ก่อนที่คิดจะขโมยของตนไปตามหาลูกสาวที่ จ.ขอนแก่น ตามหาลูกจนเงินหมด และไม่เจอ ตอนนั้นหิวไม่มีเงินจะซื้ออาหารจึงตัดสินใจเข้าไปขโมยของในร้านสะดวกซื้อที่ จ.ขอนแก่น จากนั้นก็นั่งรถไฟกลับมาที่อุดรธานี มาถึงอุดรธานีก็หิวได้เข้าไปขโมยของที่ร้านสะดวกซื้ออีก และก่อเหตุไว้หลายที่ เลยสำนึกในความผิดที่ก่อไว้ วันนี้จึงมาโรงพักเพื่อให้ตร.จับกุม

น.ส.บัวแพง เล่าอีกว่า แต่ก่อนตนเคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ล้างจาน ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ถูกดำเนินคดีต้องโทษที่เรือนจำกลาง จ.อุดรธานี 2 ปี ในคดีลักทรัพย์ และครอบครองยาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษออกมาในปี 2565 ซึ่งตอนนั้นลูกสาวของตนก็ติดคุกด้วยเช่นกันในคดียาเสพติด หลังพ้นโทษก็ยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และอาศัยอยู่กับพี่คนหนึ่งที่รัก และเคารพกัน และตอนนี้พี่คนนั้นก็บอกให้ตนไปอยู่ที่อื่นแล้ว ที่สำคัญตอนนี้อยากจะเจอลูกสาว ลูกสาวชื่อน.ส.ลลิตา อายุ 30 ปี

อย่างไรก็ตาม ตนมาสารภาพผิดแล้วก็อยากจะให้ช่วยตามหาลูกสาวซึ่งพลัดพรากจากกันมานาน ซึ่งก่อนจะขาดการติดต่อนั้น ตนกับลูกสาวก็ต้องโทษด้วยกัน หลังพ้นโทษลูกสาวก็ไม่รู้ไปอยู่ไหน ไปตามหาตามสถานที่ที่คิดว่าลูกจะอยู่ก็ไม่เจอ หากลูกฟังข่าวอยู่ และรับรู้แล้ว ก็ขอให้ลูกกลับมาหรือส่งเงินมาช่วยแหลือแม่ก็ได้ และตนขอสัญญาจะไม่ไปขโมยของในร้านสะดวกซื้ออีก และจะรีบหางานทำให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม และความมั่งคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี ได้มาเจอเหตุจึงได้พูดคุยสอบถามหาทางช่วยเหลือ และพาตัวไปตรวจหาสารเสพติดก่อนทำการช่วยเหลือต่อไป