ปอศ.เปิดปฏิบัติการ AOC รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ราย เสียหายนับล้าน


13 มิ.ย. 2567, 09:33

ปอศ.เปิดปฏิบัติการ AOC รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 ราย เสียหายนับล้าน




วันที่ 13 มิ.ย.2567 ว่าที่ พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว. กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ศิการ ไม้คู่
รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ., พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย คือ 1. นายปรินทร ฯ อายุ 19 ปี
ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 18/2567 ลง 9 พ.ค.67 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

​สถานที่จับกุม บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ ในซอยลาดพร้าววังหิน 67 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

2. นายสุไลมาน ฯอายุ 43 ปี
​ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.703/2567 ลง 8 พ.ค.67 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และหมายจับศาลจังหวัดราชบุรี ที่ 109/2567 ลง 1 เม.ย.67 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

​สถานที่จับกุม ท่าจอดเรือ ท่าจีนยูเนี่ยน พอร์ต อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

3. น.ส.กนกกาญจน์ ฯ อายุ 49 ปี
​ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.705/2567 ลง 8 พ.ค.2567 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”



​สถานที่จับกุม หน้าศูนย์กระจายสินค้า พื้นที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

สืบเนื่องจาก กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกลงทุนออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC) ได้มีการดำเนินการตามนโยบายของศูนย์ AOC จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับแก็งคอลเซ็นเตอร์
จำนวน 3 ราย ดังต่อไปนี้
​1. นายปรินทร ฯ ตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 18/2567 ลง 9 พ.ค.67 จับกุมได้ที่ บริเวณหน้าอพาร์ทเม้นท์ ในซอยลาดพร้าววังหิน 67 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินมายังบัญชีของผู้ต้องหาเป็นเงินจำนวนเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การเบื้องต้นว่าได้มีการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับการว่าจ้างจากคนรู้จักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว เมื่อตอนที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ โดยได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท
​2. นายสุไลมาน ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.703/2567 ลง 8 พ.ค.67 จับกุมได้ที่ ท่าจอดเรือ ท่าจีนยูเนี่ยน พอร์ต อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีการพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการหลอกลงทุนหารายได้เสริม ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายรวมกันประมาณ 6 แสนบาท ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การเบื้องต้นว่า ได้ให้บัญชีธนาคารกับคนรู้จักในหมู่บ้านไปใช้ โดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใดโดยหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมพบข้อมูล เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเมื่อปี 2563 ถูกจับดำเนินคดี 2 คดี ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1


​3. น.ส.กนกกาญจน์ ฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.705/2567 ลง 8 พ.ค. 67 จับกุมได้ที่ หน้าศูนย์กระจายสินค้า พื้นที่ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีการพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือมีผู้เสียหายได้มาร้องทุกข์ว่ามีเพื่อนของผู้เสียหายขอยืมเงินโดยใช้บัญชีธนาคารของผู้ต้องหาในการรับเงิน ต่อมาเพื่อนของผู้เสียหายได้แจ้งว่าถูกมิจฉาชีพสวมรอยยืมเงินผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าบัญชีธนาคารได้รับเงินจากผู้เสียหาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหายังที่อยู่ 2 ครั้ง ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุให้ออกหมายจับ ซึ่งผู้ต้องหาดังกล่าว เบื้องต้นให้การว่ามีเงินเข้าและออกในบัญชีธนาคารของตนผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารโดยผู้ต้องหาไม่ได้เป็นผู้ใช้งาน ผู้ต้องหาจึงได้แจ้งยกเลิกแอปพลิเคชันธนาคารดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังผู้ต้องหาจำนวน 2 หมาย ผู้ต้องหาก็ไม่ได้ดำเนินการตามหมายเรียกดังกล่าวแต่อย่างใด จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้าดำเนินการจับกุม​



เตือนภัย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางขอแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารของตนเองนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย โดยมีความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า “เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” จึงขอประชาสัมพันธ์ให้  พี่น้องประชาชนทราบถึงความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับบัญชีม้า และวิธีป้องกันตนเอง โดยอย่าเปิดบัญชีธนาคารให้กับคนอื่น, อย่าให้ใครยืมใช้บัญชีธนาคาร, หมั่นตรวจสอบบัญชีเป็นประจำ หากพบความผิดปกติ ให้รีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อขอคำแนะนำ และระงับบัญชี, ระวังข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลบัตรประชาชนทั้งด้านหน้า-หลัง, รหัส OPT ของธนาคาร เพราะมิจฉาชีพอาจนำข้อมูลเหล่านั้น ไปเปิดบัญชีม้าได้ และกรณีที่มีหมายเรียกจาก  เจ้าหน้าที่ตำรวจมายังท่าน ขอให้ดำเนินการตามหมายเรียก อย่าละเลยไม่ดำเนินการตามหมายเรียก มิฉะนั้นอาจเป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับได้





คำที่เกี่ยวข้อง : #ปอศ  









©2018 CK News. All rights reserved.