คืบหน้า! ครูจับเด็กแข่งขันมีการแก้ผ้า  ด้านปลัด อบต.แจงไม่มีเจตนา เตรียมประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง-ขอโทษผู้ปกครองเด็ก


11 มี.ค. 2567, 17:27

คืบหน้า! ครูจับเด็กแข่งขันมีการแก้ผ้า  ด้านปลัด อบต.แจงไม่มีเจตนา เตรียมประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง-ขอโทษผู้ปกครองเด็ก




 

วันที่ 11 มี.ค.67 จากกรณีกรณี ที่มีผู้ปกครองนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ของศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้โพสต์ข้อความระบุถึง การแข่งขันกีฬาสี ในเพจ “จิตวิทยาเด็กและครอบครัว ปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก” แสดงความไม่พอใจ กับการแข่งขัน ที่เอาเด็กขึ้นเวที โดยให้เด็กผู้ชายแก้ผ้าล่อนจ้อน ส่วนเด็กผู้หญิงเหลือแค่กางเกงใน ก่อนจะให้เแข่งขันกันสวมใส่เสื้อผ้า ต่อหน้าครู ผู้ปกครอง นักเรียนและผู้ที่มาร่วมในงาน แต่กลับมีกระแสสะท้อนกลับไป และเกิดกระแสดราม่า ทำให้ผู้ปกครองคนอื่นๆต่างพากันช่วย Save ครู และอ้างว่าแม่เด็กรับรู้และรับทราบกับกิจกรรมดังกล่าว พร้อมให้ไปคุยกันในครอบครัวว่า เป็นกิจกรรมสร้างความสนุกสนาน ไม่ได้มีเจตนาลงโทษหรือกลั่นแกล้ง ให้เกิดความอับอาย จนกลายเป็นประเด็นดังกล่าวขึ้น ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในวงกว้าง

โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 พบเพจ “Drama-addict” โพสต์ข้อความระบุว่า “รู้แล้วว่าโรงเรียนในข่าวที่ให้เด็กเล็กแข่งเปลี่ยนเสื้อผ้าคือโรงเรียนอะไร ที่ตกใจกว่า คือ มีการเอาภาพเด็กตอนเปลี่ยนเสื้อแข่งกันมาเผยแพร่ลงเพจสาธารณะด้วย” ซึ่งทราบว่าเป็นเพจ กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ของ อบต.แห่งหนึ่ง ใน จ.สุรินทร์ โดยโพสต์ข้อความ แชร์ภาพการแข่งขัน “โครงการแข่งขันกีฬาหนูน้อย ประจำปี 2567” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และปลูกฝัง ให้เด็กเล็กรักการออกกำลังกาย พัฒนาความพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ให้สมกับวัย พร้อมกับแนบรูปภาพ บรรยากาศการจัดงานแข่งขันกีฬาสีหนูน้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีภาพ ขณะที่เด็กๆที่ต่างแก้ผ้าเพื่อแข่งขันเปลี่ยนเสื้อผ้า ภาพดังกล่าวอาจจะมีผลกับตัวเด็กโดยตรงในอนาคต ที่จะสร้างความอับอายในวัยที่เขาโตขึ้นต่อไป หากภาพยังคงถูกบันทึกอยู่ในโลกโซเชียลต่อไป

ทั้งนี้  หลังจากที่มีประเด็นกระแสดราม่า เพจดังกล่าว ได้ทำการลบรูปภาพ และข้อความดังกล่าวทั้งหมดออกไปแล้วจนช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง อบต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์  หลังทราบว่ากิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบของ อบต.นอกเมือ งโดยได้พบกับ นายอนุชา  พิสมัย  ปลัด อบต.นอกเมือง ซึ่งได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ก่อนอื่นต้องขออภัยกับประเด็นที่เกิดขึ้น ของการจัดกีฬาเกี่ยวกับหนูน้อยที่สร้างความไม่พอใจและลำบากใจให้กับผู้ปกครอง ต้องขอชี้แจงว่า ทางเราไม่ได้มีเจตนา หรือนำภาพ สร้างความเสื่อเสียหรือสร้างความอับอายให้กับเด็ก กิจกรรมเราที่จัดขึ้นมา เพื่อมุ่งเน้น ในเรื่องของการพีฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ดมัดใหญ่  ซึ่งการแข่งขันกีฬาหนูน้อยทางเราก็ได้มีการจัดขึ้นมาเป็นประจำทุกปี และประเภทกิจกรรมที่จัดเข้าไปในโปรแกรมการแข่งขันนั้น ก็เป็นกิจกรรมที่พัฒนาในเรื่องของร่างกายทุกกิจกรรม รวมทั้งการแข่งขันกีฬาประเภทการแต่งกาย นี้ด้วย ซึ่งจริงๆแล้วการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นทุกครั้ง เราจะมีการเชิญ ครูผู้ดูแลเด็กมาทำความเข้าใจ และให้เตรียมตัวนักกีฬาที่จะเข้าร่วมทำการแข่งขัน ในแต่ละประเภท ซึ่งการแข่งขันกีฬาการแต่งกายนั้น จริงๆแล้วเด็กๆที่จะร่วมแข่งขัน จะต้องได้รับการเตรียมตัว ในเรื่องของการเซฟร่างกายตนเอง  อาจจะมีบ็อกเซอร์มีเสื้อกล้าม มีอะไรต่างๆแต่บังเอิญว่า ภาพที่หลุดออกไปนั้น เป็นเด็กที่ไม่ได้เตรียมไว้  ซึ่งทราบข่าวมาจากศูนย์เด็กบางศูนย์ ว่าเด็กที่เตรียมไว้หาไม่เจอ ก็เลยได้มีการจัดเด็กที่ไม่ได้เตรียมตัวมาจัดทำการแข่งขัน จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทางผู้บริหารของเราก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียกับทางเด็กหรือผู้ปกครองแต่อย่างใด เราก็มีความคิดรักในเรื่องของเด็ก และก็ต้องการให้เด็กมีการพัฒนา  ทั้งร่างกายจิตใจและกล้ามเนื้อ มัดเล็กมัดใหญ่อย่างเต็มอำนาจหน้าที่ของศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งศูนย์ที่เกิดเหตุในเรื่องดังกล่าว ก็เป็นศูนย์ที่เราได้เชิญเข้ามาในปีแรก เพื่อสร้างเครือข่าย ของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นศูนย์นอกเขตพื้นที่ แต่ว่า เราก็ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้น และก็จะได้มีการขออภัย และขอโทษอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งเหตุการณ์นี้คงจะสร้างเป็นบทเรียนให้กับทางผู้ปฏิบัติและเป็นบทเรียนในการเตรียมโครงการและกิจกรรมในโอกาสต่อไป ปลัด อบต.นอกเมือง กล่าว

คืบหน้าล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงาน ในช่วงบ่ายวันนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. ทาง อบต.นอกเมือง จะได้มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ ครู และผู้ปกครอง เข้ามาประชุมทำความเข้าใจ และร่วมกันขอโทษขออภัยผู้ปกครองของเด็กๆอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งกล่าวกับทางผู้ปกครองว่าจะไม่ให้มีการเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผู้ปกครองทุกคนต่างก็พอใจและไม่ติดใจเอาความ มีนายสุภณัฐ ศิริทอง ผอ.กลุ่มงานกฏหมายฯสนง.ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จ.สุรินทร์ เป็นกระธานการประชุม มี นายอนุชา  พิสมัย  ปลัด อบต.นอกเมือง เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว คุณครูประจำศูนย์เด็กเล็กตำบลนอกเมือง พ่อ แม่ของเด็กเล็กในศูนย์เด็กเล็ก เจ้าหน้าที่ ศูนย์ ประจำ อบต.นอกเมืองสุรินทร์ 

นายสุภณัฐ ศิริทอง ผอ.กลุ่มงานกฏหมายฯสนง.ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จ.สุรินทร์ กล่าว การเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง มาประชุมเพื่อทำการสืบสาวราวเรื่องเหตุการณืที่เกิดขึ้น กระทั่งมีการยอมรับว่า ไม่พบตัวตนผู้ปกครองรายดังกล่าวที่มีการเรื่องเรียน ไปทางสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อมีการสอบถามหาตัวผู้ที่ร้องเรียน กไม่พบตัวตน และเมื่อทราบว่ามีเหตุการณืเกิดขึ้นทาง คณะครูที่อยู่ในเหตุการณ์วันแข่งขันกีฬาก้ไม่พบตัวตนของผู้ปกครอง ทีมงานทั้งหมด ลงพื้นที่ ไปยังบ้านพักของเด็กรายดังกล่าว ก็ไม่พบคุณพ่อ ที่ร้องเรียนเรื่องดังกล่าว ในสื่อสังคมออนไลน์ และผู้ปกครองที่มีประชุมกันกว่า 10 ราย ก็ไม่มีใครสนใจต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เด็กๆแต่อย่างใด 

คุณแม่ชื่อ น.ส อรสา  อุกอาจ อายุ 29 ปี ผู้ปกครองเด็กที่อยู่ในภาพ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันนั้นมีงานจัดกิจกรรมกีฬา คุณแม่ก็ไปร่วมกิจกรรมกับน้อง แล้วก็ตอน  เวลานั้นน้องก็แข่งกีฬา ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ก็ทราบว่ามันจะมีการใส่ชุดนักเรียนอย่างเงี้ย แต่แม่ก็ไม่ทราบว่า มันจะโป๊หรือยังไง แม่ก็อยู่กับน้องด้วย ถือว่าเป็นการเสริมพัฒนาการเด็ก เพราะว่าการที่น้องใส่เสื้อผ้าเองได้ก็ถือว่าเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กวัย 2-3 ขวบ ก็คิดว่าคิดว่าเป็นการกีฬา ไม่ได้คิดว่าเป็นแบบอื่นหรือการเอาเด็กมาถอดเสื้อผ้า แล้วโป้อะไรเงี้ย ใน เวลานั้น คุณแม่เราต่ออีกว่าไม่ได้ร้องเรียนเพราะว่าคุณแม่ก็เต็มใจในการร่วมแข่งกีฬากับน้อง เพราะวันนั้นแม่ก็ไปกับน้องแล้วก็ช่วยเชียร์น้อง ไม่มีการร้องเรียนใดๆทั้งสิ้นเลย ไม่ติดใจเลย เพราะว่าคุณแม่เห็นชอบในเรื่องการแข่งขันกีฬากัน มีกีฬาเสริมพัฒนาการอย่างเงี้ย คุณแม่โอเคค่ะ

ขณะที่ผู้ปกครอง ในที่ประชุม หลายคน แม้ไม่ติดใจเอาความ เอาเรื่องนี้กับคุณครู และก็อยากให้คณะผู้จัดการแข่งขันเปิดเผยตัวตนของผู้ปกครองที่นำเรื่องนี้ไปนำเสนอต่อสื่อออนไลน์ จะได้ทราบจากปากผู้ปกครองท่านนี้ มีความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่เปิดขึ้นอย่างใด เพราะมันทำให้โรงเรียนของเด็กๆตำบลนอกเมือง ได้รับความเสียหายมาก และควรมาทำความเข้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อที่ประชุมรวมทั้งครู และผู้ปกครองเพื่อแนวทางเดียวกันต่อไป เสียใจที่ไม่เจอผู้ปกครองเด็กที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ 














©2018 CK News. All rights reserved.